จ.ม.กรณี หวั่นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวฯบิดเบือนและเข้าใจผิดต่อการทำงานปาตานี ฟอรั่ม
จดหมายเปิดผนึกปาตานี ฟอรั่ม กรณี หวั่นเจ้าหน้าทีรัฐ บิดเบือน สร้างความเสียหายต่อหลักการองค์กรและผู้เกี่ยวข้องในโครงการ ถูกเขียนขึ้น ภายหลังจากที่การจัดกิจกรรมเสวนา สร้างการเรียนรู้ และความเข้าใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้งและสันติภาพปาตานี/ชายแดนใต้ ในภูมิภาคต่าง ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน หรือปักษ์ใต้ ซึ่งเป็นภารกิจที่เราขับเคลื่อนมาตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้มีแง่มุมที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งมิติวัฒนธรรม ความคิด บทเรียนจากปรากฏการณ์ และความเป็นวิชาการ ได้เผยแพร่และสร้างคุณประการต่อสาธารณะมากมาย
อย่างไรก็ดีนับตั้งแต่ ปี 58 เป็นต้นมา ปาตานี ฟอรั่ม ยังคงดำเนินงานสร้างการเรียนรู้ และการสื่อสารภาคพลเมืองในสังคมไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ภายใต้มิติที่เป็นปัญหาและความขัดแย้งนั้น ต้องยอมรับว่า การแลกเปลี่ยนประเด็นของภาคชาวบ้าน ภาคพลเมือง ค่อนข้างจะมีความแตกต่าง มีการกระทบกระทั่ง ขัดแย้ง จากมุมมองของภาครัฐบาล ไม่มากก็น้อย ซึ่งเป็นมิติที่เกิดขึ้นต่อทุกๆรัฐบาลทั่วโลก ทั้งนี้ด้วยแนวทางที่ปาตานี ฟอรั่ม สร้างพื้นที่การแลกเปลี่ยน เข้าใจโดยมีความพยายามจะให้เสียงที่มาจากพื้นที่ปาตานี ได้แลกเปลี่ยนเป็นกับเสียงภูมิภาคอื่นๆ เป็นหลัก และมีปาตานี ฟอรั่ม เป็นผู้เชื่อมประสาน และอำนวยบรรยากาศการพูดคุยแลกเปลี่ยนก่อนจะนำเสนอรายงานสู่สาธารณะ เพื่อสร้างความเข้าใจต่อไป
จนเมื่อไม่นานมานี้ปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวของภาครัฐ ได้ติดตาม สอบถามจากผู้ร่วมกิจกรรมจำนวนหนึ่ง ซึ่งระบุตั้งแง่สงสัยต่อผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการก่อการร้าย และปลุกปั่น สร้างความวุ่นวาย เมื่อครั้งชวนไปร่วมแลกเปลี่ยนในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นเช่นไรขณะนี้อยู่ระหว่างการประมวลข้อมูล ทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ติดตาม แต่ก็ยังมีผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมบางท่าน ก็โดนเพจเฟสบุค ที่เชื่อได้ว่าเป็นเพจของเจ้าหน้าที่รัฐในระดับปัจเจกบุคคล นำไปเผยแพร่ บิดเบือนให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลที่เพจดังกล่าว กล่าวอ้าง ดังตัวอย่าง
ได้ปรากฏในลิงค์ http://board.postjung.com/887853.html ไม่ระบุชื่อผู้เขียนและวันเวลาการนำเสนอ โดยใช้ชื่อหัวข้อว่า"NGOใต้บอกว่าผมนี่แหละBRN"
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน2558ได้มีลิงค์ http://narater2010.blogspot.com/…/06/ngo-brn-lempar-15.html… ขยายความเท็จอีกครั้งด้วยการตั้งชื่อหัวข้อของเนื้อหาตามบทความเดิมว่า "เมื่อตูแวดานียา ประกาศผมนี่แหละBRN" ซึ่งขณะนี้ทางผู้เสียหาย ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่ได้พูดตามดังทีเพจดังกล่าว ระบุถึงตามลิงค์ https://www.facebook.com/danial.struggle/posts/10205742629237774
อย่างไรก็ตามเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อบุคคลที่ร่วมกิจกรรมกับ ปาตานี ฟอรั่ม และยืนยันในความบริสุทธิ์ใจในการทำงาน ปาตานี ฟอรั่ม จึงทำจดหมายเปิดผนึก ทีจะขอย้ำความสำคัญให้เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งกำลังปฎิบัติหน้าดังกล่าว ดังต่อไปนี้
1.ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งกำลังปฎิบัติหน้าที่ได้ดำเนินภารกิจด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไร้อคติและชอบธรรมด้วยหลักการสิทธิมนุษยชน
2.ขณะที่เจ้าหน้าที่บางท่านที่ทำการอันให้เกิดความเสื่อมเสีย บิดเบือนข้อเท็จจริงของบุคคลเมื่อครั้งร่วมกิจกรรมกับปาตานี ฟอรั่ม ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวทันที
3.ทั้งนี้อยากให้สาธารณะเข้าใจว่า การทำงานของปาตานี ฟอรั่ม เป็นที่รู้จักและเข้าใจในเป้าหมายการทำงานว่าเป็นองค์กรทีส่งเสริมสร้างความเข้าใจของภาคพลเมือง ซึ่งที่ผ่านมาปาตานี ฟอรั่มก็ได้สื่อสารกับเจ้าหน้าทีรัฐในทั้งในระดับพื้นที่ ระดับสูง หรือ ภาคประชาสังคมจากในพื้นที่และนอกพื้นที่ หรือแม้แต่องค์กรระหว่างประเทศ อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนั่นหมายความว่าการสร้างความบิดเบือนหรือการพยายามทำลายภาพลักษณ์หลักการขององค์กรผ่าน การบิดเบือนข้อมูล ความเห็นของผู้ที่ร่วมกิจกรรมของปาตานี ฟอรั่มนั้นอาจหมายถึงการทำลายภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือในการทำงานของภาครัฐด้วยเช่นกัน
4.หากอยากทำความเข้าใจหลักคิดของปาตานี ฟอรั่มเพิ่มเติม สามารถเข้าไปในเว็บไซท์ www.pataniforum.com หรือจากลิงค์ต่อไปนี้
http://www.pataniforum.com/single.php?id=483
ทั้งหมดคือกระบวนทัศน์ทางความคิดในปัจจุบันของปาตานีฟอรั่ม เป็นแนวคิดที่นำเสนอโดยการคำนึงการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปตามสถานการณ์ ประสบการณ์และบทเรียนจากการทำงาน ที่ยังยึดมั่นใน หลักการพื้นฐานของการอยู่ร่วมในสังคม หลักการของคนที่มีสิทธิเท่าเทียมกัน มีความรับผิด รับชอบในการตัดสินชะตากรรมตนเอง ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งตัดสินแทนคนอื่นๆได้ กระบวนการทางสังคมต้องเกิดจากการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
สิ่งที่ต้องเน้นย้ำให้ขึ้นใจ สำหรับประเด็นปัญหาปาตานีในประเทศไทย คือ การสร้างพื้นที่การแลกเปลี่ยนการพูดคุยหรืออภิปรายที่มีความหมาย ต่อประเด็นเรื่องความขัดแย้งในปาตานี/ชายแดนใต้ โดยเห็นว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อการสร้างสันติภาพ ตามพื้นฐานความเคารพต่ออัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของคนในพื้นที่ เป็นพยายามที่จะนำเสนอมุมมองใหม่ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ บทวิเคราะห์และหาข้อสรุปต่อประเด็นความท้าทายและโอกาสด้านสันติภาพในพื้นที่ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้และระยะยาวนั้น จะต้องอยู่ในพื้นที่ของเสรีภาพทางความรู้ ความคิด และความจริง
และนั่นเองคือ "พื้นที่สาธารณะ พื้นที่แห่งการตื่นรู้" อย่างแท้จริง