ไฟใต้ การเมือง ความขัดแย้ง ยาเสพติด

ครั้งหนึ่ง ปาตานีฟอรั่ม ลาดตระเวนเตะฝุ่น ที่บ้านกือเม็ง ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่เล่าลืออย่างยิ่งในเรื่องความรุนแรงจากสถานการณ์แต่เสียงกระซิบที่ได้ยินมาจากเพื่อนร่วมเครือข่ายบอกว่า ปัญหายาเสพติดต่างหากที่เป็นปัญหาในพื้นที่แห่งนี้ แล้วเกือบจะเป็นพื้นที่อันดับต้นๆของการระบาดยาเสพติดในจังหวัดยะลา จึงกลายเป็นเรื่องเล่าของทีมงานปาตานีฟอรั่มซึ่งได้มีโอกาสลงพื้นที่บ้านกือเม็งแต่ไม่ได้ลงเพื่อไปค้นหา เพื่อพิสูจน์ ข้อเท็จจริงแหล่งยาเสพติดตามเสียงกระซิบบอก แต่เราไปเพื่อค้นหาบรรยากาศชุมชน แง่มุมอื่นๆที่น่าสนใจ เพื่อถ่ายทอดให้เห็นอีกด้านหนึ่งของพื้นที่แห่งนี้ แต่ก็ไม่เลี่ยงที่จะสอบถามเรื่องปัญหายาเสพติดในพื้นที่ไปด้วย และเราเชื่อว่าเสียงจากชุมชนคงเป็นเครื่องกะรันตีบรรยากาศในพื้นที่นี้ได้ดีที่สุด

 

เราลงไปบ้านหลังเล็กมุงหลังคากระเบื้องรายล้อมไปด้วย ต้นไม้ที่เราไม่ค่อยรู้จักมากนัก เพื่อเยี่ยมพี่สาวคนหนึ่ง “กะซีตี”(นามสมมุติ) หญิงวัยกลางคนที่มีความเป็นแม่ โหยหาที่จะสร้างอนาคตที่ดีภายในชุมชนกือเม็งให้กับลูกๆของเธอ แต่สิ่งที่แม่คนนี้เล่าให้ฟัง อาจทำให้ฝันเล็กๆ ฝันของคนรักในความเป็นแม่ ฝันของคนรักในความเป็นชาวบ้านในชุมชนตนเอง อาจเป็นฝันในอากาศ พี่สาวคนนี้หรือกะซีตี บอกว่า เมื่อก่อนที่นี่น่าอยู่ คนในชุมชนมีอาชีพอยู่กับท้องถิ่นอย่างมีความสุข

 

“กะอยากฝากให้ อยากให้ พวกเรา พวกเราทุกคน (น้ำตาคลอเบ้า) คือมันพูดไม่ออก เพราะพวกเรารู้ดีเรื่องที่นี่ เรื่องยาเสพติด ลูกหลานของเรา พี่น้องเรา คนในชุมชน จะอยู่อย่างไรต่อไป ไม่อยากวาดภาพ ตอนนี้ลูกของฉัน (เสียงสะอื้น) ก่อนที่กะคนนี้จะเปลี่ยนประเด็นเป็นข้อเสนอว่า ไม่ว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ หรือว่าชาวบ้านวันนี้เราต้องต่อสู้เรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง” ตามมาด้วยเสียงปลอบใจของเพื่อนบ้านอย่างเอื้ออาทร

 

สิ้นเสียงที่พี่สาว หรือกะคนนี้ระบายให้ฟังในห้วงนาทีอันน้อยนิดท่ามกลางสถานการณ์ความร้อนรุ่มของผู้คนในชุมชน พลอยทำให้เกิดอารมณ์ร่วมเหมือนอยากเป็นส่วนหนึ่งของการคลี่คลายปัญหาโดยตรงไม่ใช่เพียงแค่ สะบัดลายเส้นบนหน้ากระดาษ แล้วเฝ้ารอให้ผู้หนึ่งผู้ใด เผลอเข้ามาอ่าน แล้วเก็บไปขับเคลื่อนต่อ แต่น่าเศร้าใจศักยภาพ ณ ห้วงขณะนี้ เราทำได้แค่นี้แล้วเป็นสิ่งที่สุด แต่เราก็ไม่หยุดที่จะเดินต่อเพื่อเรียนรู้ชุมชนในห้วงขณะปัจจุบัน

 

เราเดินอย่างถ่อมตน เดินอย่างรู้ ครุ่นคิด ว่าอ่อนวัยต่อสถานการณ์ปัญหาของชุมชนแห่งนี้ เราเดินตรงไปยังวงน้ำชา มีผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา อบต. มีคนนำวงเป็นนักพัฒนาชุมชนซึ่งเป็นลูกหลานของคนในพื้นที่เอง กำลังแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการทำงานพัฒนาชุมชน อย่างดุเดือดเผ็ดมัน ชาวบ้านตะโกนเสียงผ่านโต๊ะน้ำชาคนอื่น“เรื่องการทำประปาทำไมอบต.ไม่ดูแล ชาวบ้านขอเรื่องการส่งเสริมอาชีพแล้ว อบต.ไปอยู่ตรงไหน”

 

อบต. ชี้ว่า “แล้วนำเสนอหรือยัง ถ้าเสนอแล้ว ก็ต้องเข้าสู่การทำเวทีประชาคม จะทำเลยไม่ได้ เราต้องเข้าใจกระบวนการของ อบต. ด้วย” บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ภาพความขัดแย้ง แล้วนำไปสู่การใช้กำลังเพื่อยุติการแลกเปลี่ยน ผลุดขึ้นมาในหัวเรา

 

อัลฮัมดุลิ้ลละฮ์ (ขอบคุณอัลเลาะฮ์) ชายแก่คนหนึ่ง ส่งเสียงอย่างอ่อนนุ่มท่ามกลางความวุ่นวายของวงน้ำชา ชายคนนั้นเป็นผู้นำศาสนาในพื้นที่ เขาแต่งกายอย่างสมถะ ท่าทางถ่อมตน เขายืนขึ้นช้าๆ ฉันขอแลกเปลี่ยนด้วยคน “ วันนี้ไม่ว่าหน่วยงานรัฐส่วนไหนๆของชุมชน ทำงานพัฒนาอะไรก็ตามในพื้นที่ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีไปหมด แต่สิ่งที่ดี และสวยงามกว่า คือการให้ชาวบ้านเป็นผู้บุกเบิก เริ่มทำเอง”

 

“ผู้หลักผู้ใหญ่อาจมองว่า ชาวบ้านไม่มีความสามารถ ชาวบ้านไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่รู้หรือไม่การที่ชาวบ้านคิดว่าตัวเองไม่รู้เรื่องยิ่งทำให้เขาอยากจะเรียนรู้ ชาวบ้านก็ค่อยๆเรียนรู้ ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ เพราะคิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ เลยต้องเรียนรู้ ลองทำ ก็จะเห็นผลงานที่ทำเอง เป็นผลงานมาจากชาวบ้านอย่างแท้จริง แต่บางทีพอชาวบ้านจะลองทำ อบต.ก็ว่าไม่เหมาะ ผู้ใหญ่บ้านก็ว่าไม่ใช่ ชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าจะทำต่อ เรียนรู้ต่ออีกหรือไม่ ทุกคนที่อยู่ในชุมชนล้วนมีข้อเสนอดีๆ ที่นำเสนอกันเอง แต่หากมารวมกันเสนอจะเป็นเรื่องดียิ่งกว่า” นับเป็นแง่มุมที่ออกจากชุมชน ชั่งน่านับถือ และเคารพยิ่ง กับสิ่งที่ผู้นำศาสนาผู้นี้แสดงออกมา แต่เราก็อยู่นานไม่ได้ เราก็ขอคำแนะนำจากชุมชนว่าควรจะไปที่ไหนต่อ

 

อาแบ ชายหนุ่มผิวคล้ำ ร่างกายกำยำ บอกว่า “ แถวนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสถานการณ์ แต่เรื่องยาเสพติด โอ้ย ไม่อยากพูดมาก แถวนี้หากอยากเห็นความคึกคักของชาวบ้านอยากให้ลองไปเยี่ยมชุมชนหมู่ 1 เพราะเป็นย่านตลาด ส่วน หมู่ 4 จะเงียบๆ น่ากลัวหน่อย ไม่ใช่เพราะความรุนแรง แต่เป็นเพราะไม่ค่อยมีบ้านของชาวบ้าน แต่ที่นี่หมู่ 2 ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะมารวมกลุ่มทำกิจกรรมชุมชนที่นี่ เพราะอยู่ใกล้ อบต. โรงเรียน และอนามัย ” ไม่เพียงเท่านั้นเรายังเห็นความก้าวสมัยในชุมชนเพราะมีโฆษณาเปิดให้บริการอินเตอร์เนทฟรี โดย อบต.สู่ชุมชน ในช่วงเวลา 10.00-11.00 น. เป็นมิติใหม่ที่อาจมีมานานแล้วแต่ด้วยเพราะเราร้างจากการลงชุมชนที่ล่อแหลมของความรุนแรงมานาน จึงทำให้รู้สึกตื่นเต้น เมื่อเห็นการโฆษณาดังกล่าว

 

บรรยากาศเช่นนี้ ทีมงานปาตานีฟอรั่มคิดว่าไม่ใช่เพียงแค่ชุมชนบ้านกือเม็ง ความหดหู่เศร้าใจจากปัญหาในชุมชน น้ำตาที่ไหลพรากจากความหวั่นไหวโดยภัยคุกคามต่อสิ่งซึ่งอันเป็นที่รัก หรือการทะเลาะ แลกเปลี่ยนความเห็นในโต๊ะน้ำชา ระหว่างกลุ่มคนที่คิดต่าง ท่ามกลางอารมณ์ที่ร้อนพล่าน กำลังใจที่เกิดจากคนในชุมชน มุมมองสร้างการอยู่ร่วมกันต่อไปได้ แม้ต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ยากลำบากในชุมชน ทั้งหมดทั้งมวล หลากแง่มุม หลากอารมณ์ เหล่านี้ ถูกตวัด วาดเป็นเรื่องราวไปแล้ว ในห้วง 8 ปีทีสถานการณ์ไฟใต้ถูกก่อเพลิงให้ร้อนฉ่าโดยกลุ่มบุคคลที่อยู่ในม่านหมอก ซึ่งเราเชื่อว่า สถานการณ์อาจจะถูกขีดเขียนต่อไปห้วงระยะเวลายาวนานเพียงใดก็ตาม ฉันใดก็ฉันนั้นสิ่งที่จะติดตามมาไปพร้อมสถานการณ์ปัญหาในชุมชน คือ การเรียนรู้ ประสบการณ์ การจัดการของชาวบ้านไปสู่การปฎิสัมพันธ์ หรือกิจกรรมเพื่อรังสรรค์ชุมชนด้วยการร่วมคิด หาทางออกของคนในชุมชนเอง แล้วเชื่อว่าชาวบ้านในพื้นที่จะสามารถผ่านพ้นบรรยากาศแห่งความมืดเทา เปราะบาง ไปได้อย่างรู้เท่าทัน