มุสลิมไทยและมาเลเซียประท้วงต่อต้านหนังหมิ่นศาสนฑูตมุฮัมมัดอย่างสันติ

 

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ
       ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา

ฝ่ายวิชาการโครงการพัฒนาเครือข่ายตำบลสุขภาวะในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

Shukur2003@yahoo.co.uk

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์  ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอ ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกท่าน

การประท้วงต่อต้านหนังต้นทุนต่ำหมิ่นศาสนฑูตมุฮัมหมัด “อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม” ลุกลามไปทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศมุสลิม  แต่ที่รุนแรงที่สุด น่าจะเป็นที่ลิเบีย ที่ทำให้นายเจ.คริสโตเฟอร์ สตีเฟน เอกอัครราชฑูตสหรัฐฯประจำกรุงเบงกาซีเสียชีวิต

ส่วนอีกสามชาติ คือ ตูนีเซีย อียิปต์และซูดาน อาคารสถานทูตสหรัฐฯและเยอรมนีกับอังกฤษถูกกลุ่มผู้ประท้วงบุกโจมตี ทำลายข้าวของและจุดไฟเผา

ในขณะที่ มุสลิมบ้างกลุ่ม ในปากีสถาน ในเยเมน เรียกร้องชาวมุสลิมลุกขึ้นต่อต้านหนังดังกล่าวด้วยการ เผาสถานทูตและสังหารนักการทูตสหรัฐฯเพื่อปกป้องเกียรติศาสนา แต่ก็มีมุสลิมหลายประเทศโดยเฉพาะมาเลเซีย หรือหลายกลุ่มเช่นกันทำการประท้วงและประณามหนังดังกล่าวโดยสันติและต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อชาวสหรัฐฯผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่กลับไม่ได้ถูกเผยแผ่สักเท่าไร

สำหรับประเทศไทยมีชาวมุสลิมประท้วงอย่างสันติสองแห่งด้วยกันกล่าวคือ วันที่ 18 กันยายน 2555 ชาวมุสลิมหลายร้อยคน ถือป้ายประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเทพฯ ท่ามกลางฝนตกลงมาอย่างหนัก

และวันที่ 19 กันยายน 2555 ชาวมุสลิมเชียงใหม่รวมกันยื่นหนังสือประท้วงหน้ากงสุลสหรัฐอเมริกาเพื่อแสดงพลังต้านภาพยนตร์หมิ่นศาสนา

         

สำหรับการประท้วงอย่างสันติในมาเลเซียก็เป็นไปอย่างสันติ ถึงแม้จะมีประชาชนร่วมประท้วงนับหมื่น กล่าวคือ เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กันยายน 2555 ชาวมุสลิมในมาเลเซียได้จัดการประท้วงอย่างสันติในหลายเมือง โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่ภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสนฑูตมุฮัมมัดดังกล่าว  

 

ในวันดังกล่าว ประชาชนราว 30 คนจากองค์กรทางศาสนาหลายกลุ่มได้เดินขบวนไปยังสถานทูตสหรัฐฯในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ยื่นหนังสือฉบับหนึ่ง เรียกร้องให้สหรัฐถอดคลิปวีดีโอดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ยูทูบ และดำเนินคดีต่อผู้สร้างหนังในข้อหา "ก่ออาชญากรรมต่อสิทธิมนุษยชน" และ "ปลุกปั่นชาวมุสลิม"

 

ฝูงชนกลุ่มหนึ่งได้ชุมนุมกันที่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ถ้ำบาตู นอกเมืองหลวง และสื่อในมาเลเซียรายงานว่ามีการประท้วงที่เมืองอิโปฮ์ ทางภาคเหนือของประเทศเช่นกัน ขณะที่พรรคอิสลามรวมชาติมาเลเซีย (PAS) ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ประกาศจะจัดการประท้วงในเมืองอื่นๆด้วย  รวมทั้ง คุตบะห์วันศุกร์(ธรรมเทศนา) ทุกเมืองของมาเลเซียก็ได้เรียกร้องเรื่องนี้เช่นกัน  ทำให้ถัดจากนั้นหนึ่งสัปดาห์คือวันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2555 ชาวมุสลิมนับหมื่นประท้วงอย่างสันติในกรุงกัวลาลัมเปอร์แต่ไม่มีเหตุร้ายเหมือนกับประเทศตะวันออกกลาง    จากการประท้วงดังกล่าวทำให้เว็ปไซด์  กูเกิลจำต้องทำการบล็อกหนังหมิ่นอิสลามในมาเลเซีย

การศรัทธาและการปฎิบัติตามจริยวัตรศาสนฑูตมุฮัมมัดเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคนดังนั้นการลบหลู่ดูหมิ่นศาสนฑูตมูฮัมมัดก็เปรียบเสมือนเหยียบหยามศาสนาอิสลามและมุสลิม จึงเป็นผลให้มุสลิมออกมาปกป้องศาสนฑูตมูฮัมัด

การปกป้องศาสนทูตมุฮัมมัดจึงเป็นความชอบธรรมของมุสลิมทุกคนในทางกลับกันหากมุสลิมท่านใดไม่ออกมาปกป้องพระองค์อาจจะทำให้สถานภาพของมุสลิมดังกล่าวสั่นคลอน

แต่ความชอบธรรมในการปกป้องและประท้วงดังกล่าวจะต้องไม่ไปละเมิดสิทธิบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง  ในทางกลับกันจะต้องให้ความยุติธรรมต่อทุกคนไม่ว่าเขาจะเป็นมุสลิมหรือไม่และไม่ปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ

ดังที่อัลลอฮ์ได้โองการในคัมภีร์อัลกุรอานความว่า

ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงเป็นผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม จงเป็นพยานเพื่ออัลลอฮ์ และแม้ว่าจะเป็นอันตรายแก่ตัวของพวกเจ้าเอง หรือผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและญาติที่ใกล้ชิดก็ตาม หากเขาจะเป็นคนมั่งมีหรือคนยากจน อัลลอฮ์ก็สมควรยิ่งกว่าเขาทั้งสอง ดังนั้นจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำในการที่พวกเจ้าจะมีความยุติธรรม และหากพวกเจ้าบิดเบือนหรือผินหลังให้ แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน”  (อันนิซาอฺ 4:135)  

การประท้วงด้วยการทำลายของส่วนรวม  สำนักงาน บริษัทห้างร้านของสหรัฐฯจึงเป็นการไม่สมควร เป็นการอธรรมต่อผู้อื่น  อันเป็นการแสดงออกที่ไม่ดี ศาสนฑุตมุฮัมมัดไม่เคยสั่งสอน   ดังนั้นหากรักท่าน  จงปฏิบัติตามจริยวัตรท่านด้วยเช่นกัน  เพราะท่านถูกส่งมาเพื่อให้ความเมตตาต่อประชาคมโลก

เป็นที่ทราบกันดีว่าท่าน ได้ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบตลอดชีวิตของท่านนั้นคือการสอนมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ที่มีจรรยางาม ซึ่งพระวัจนะของท่านยืนยันไว้ว่า “ฉันได้รับการแต่งตั้งมาเพื่อสร้างความสมบูรณ์แก่จริยธรรมอันจำเริญยิ่ง”   

ดังนั้นการประท้วงอย่างสันติของมุสลิมชาวไทยและมาเลเซียเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญและสอดคล้องกับหลักการศาสนาตามที่สหภาพนักปราชญ์มุสลิมนานาชาติได้ออกแถลงการณ์ (โปรดดูรายละเอียดแถลงการณ์ในหมายเหตุข้างล่ง)
 

 

หมายเหตุ

แถลงการณ์

มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิแด่อัลลอฮ์ และขอความสันติและความจำเริญจงมีแด่ท่านมุฮัมมัด ศาสนทูตของอัลลอฮ์ บรรดาศอฮาบะฮฺ และบรรดาผู้เจริญรอยตามท่าน

เราได้รับทราบในความผิดปกติและความอาฆาตแค้นจากผู้อพยพชาว คอปติก(คริสเตียนที่อยู่ในอียิปต์เดิม)บางส่วน ในการร่วมมือกับชาวอเมริกันหัวรุนแรง บาทหลวง เทอร์รี่โจนส์ ผู้ที่พยายามจะเผาคัมภีร์กุรอ่านอันสูงส่ง และจากความพยายามที่ชั่วร้ายดังกล่าว เราขอประกาศและยืนยันดังต่อไปนี้

1. การกระทำครั้งนี้จะไม่ส่งผลใด ๆ ต่อความยิ่งใหญ่ของท่านศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้ที่บุคลิกภาพเปี่ยมด้วยคุณธรรมอันสูงส่ง "ผู้ที่ถูกส่งมาเป็นความเมตตาแก่โลกนี้" และผู้เป็นดวงประทีปอันเฉิดฉาย นอกจากนี้ บรรดาผู้ที่มีเหตุผลทั่วทุกมุมโลกได้เห็นพ้องต้องกันในความยิ่งใหญ่ของท่านนบี จนนักเขียนชาวอเมริกันผู้หนึ่ง ซึ่งเขียนหนังสือเรื่อง 100 บุรุษผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้ประกาศให้ผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในบรรดาคนเหล่านั้นคือท่านศาสนทูตมุฮัมมัดในทำนองเดียวกัน การกระทำดังกล่าวจะไม่ทำให้สาสน์ของท่านที่ขจรขจายอย่างกว้างไกลต้องเสียหาย หรือเป็นการขวางกั้นต่อแสงสว่างอันชัดแจ้ง

2. เราขอแสดงถึงความไม่พอใจอย่างยิ่งและขอประณามอย่างรุนแรงในการกระทำดังกล่าว และถือว่าการสร้างภาพยนตร์ดูหมิ่นท่านท่านศาสนทูตมุฮัมมัด โดยผู้อพยพชาวคอปติก (คริสเตียนที่อยู่ในอียิปต์เดิม) บางส่วนเป็นการยั่วยุอันชั่วร้ายซึ่งกระพือถ่านไฟแห่งความเคียดแค้นและความเกลียดชังในหมู่ประชาชน นอกจากนี้ยังถือว่ามันเป็นการหมิ่นประมาท โดยไม่แยแสต่อความรู้สึกของมุสลิมทั่วโลก

3. เราขอเรียกร้องให้ประชาชนมุสลิมในอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมายในทันทีต่อทุกคนที่ดูหมิ่นอิสลาม เนื่องจากการกระทำอันชั่วร้ายดังกล่าวไม่สามารถหลบซ่อนภายใต้ปีกของเสรีภาพในการแสดงออกได้ แต่นั่นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบรรดามุสลิมผ่านการหมิ่นประมาทบุคคลสำคัญและละเมิดขอบเขตที่พึงสงวนของเรา

4. เราขอเรียกร้องให้บรรดาองค์กรนานาชาติ องค์กรอิสลาม รัฐบาลกลุ่มประเทศอาหรับและกลุ่มประเทศอิสลามแสดงจุดยืนที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ตามกระแสของการเรียกร้องและการกระทำอันน่ารังเกียจเหล่านี้ และขอให้องค์กรความร่วมมืออิสลาม (OIC) ดำเนินการกับสถาบันที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการทางกฎหมายต่อผู้ที่ดูถูกความเป็นมนุษย์ทั้งหมด ผ่านการหมิ่นประมาทท่านท่านศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เผยแผ่สาสน์แห่งความเมตตาไปทั่วโลก

5. เราขอเรียกร้องให้บรรดาพี่น้องมุสลิมทั่วทุกแห่งปฏิบัติตามจริยธรรมอิสลามในการตอบโต้กับกรณีดังกล่าว จากโองการที่ว่า “และไม่มีผู้แบกภาระคนใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้” (ซูเราะฮฺ ฟาฏิร 35; 18) ดังนั้นไม่เป็นที่อนุญาตในการที่จะเหมารวมหรือลงโทษผู้บริสุทธิ์ในการกระทำบาปที่ผิดนี้ แต่พวกเขาควรจะเปลี่ยนจาก “วันสากลแห่งการวิจารณ์มุฮัมมัด” เป็น “วันสากลแห่งการรู้จักท่านศาสนทูตมุฮัมมัด”

เราขอชมเชยการเรียกร้องอย่างเป็นกลางของชาวคอปติกและชาวคริสต์บางส่วน ซึ่งได้ประณามการกระทำครั้งนี้และยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการปฏิบัติอันงดงามของท่านศาสนฑูตอีซา (หรือพระเยซู)     แท้จริง อัลลอฮฺผู้เดียวเท่านั้นที่ถูกวิงวอนขอความช่วยเหลือ


สหภาพนักปราชญ์มุสลิมนานาชาติ
ภายใต้การนำของชัยค์  ดร .ยูสุฟ อัล-เกาะเราะฎอวียฺ

(See ..https://www.facebook.com/photo.php?fbid=4650404344070&set=t.1245604111&type=1&theater)