"ไปหาไผ่" บันทึกการเดินทางจากปัตตานี

 

บันทึกการเดินทางสั้น ๆ นี่เป็นบทสะท้อนสิ่งที่สัมผัสได้จากการเดินทางจากปาตานีสู่ข่อนแก่น โดยเราเรียกง่าย ๆ ว่า "ไปหาไผ่" เพื่อจะไปพบปะให้กำลังใจ "สหายไผ่" ในวันที่ศาลนัด"พิจารณาหลักฐาน"กรณีคดี แชร์ข่าว BBC ในวันที่ 21 มีนาคม 2560 และเยี่ยมเยียนมิตรสหายแดนอีสาน อีกทั้งนำของที่ระลึกให้กำลังใจครอบครัวของไผ่

 

ผมและสหายร่วมทางอีก 7 ท่านได้บุกน้ำข้ามทะเล ฝ่าดงพงไพร ตลอดการเดินทางด้วยรถไฟสาธารณะจากสถานีรถไฟประจำอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ถึง สถานีรถไฟประจำอำเภอเมือง จังหวัดข่อนแก่น รวม ๆ แล้วเกือบ 2,000 กิโลเมตร ตั้งแต่วันอาทิตย์ ที่ 19 มีนาคม 2560 เพื่อมุ่งหวังที่จะได้พบปะให้กำลังใจ "สหายไผ่" มิตรสหาย และครอบครัวของไผ่ ว่าเราจะร่วมอยู่เคียงข้างและเดินไปด้วยกัน ถึงแม้จะต้องใช้ความพยายามในการเดินทางไกลร่วม 2 วัน 2 คืน แต่เราก็ยังคงมุ่งมั่นเดินทางเพื่อให้ถึงที่หมาย

เราเดินทางด้วยรถไฟสาธารณะ(รถไฟฟรี) ที่แฝงด้วยอารมณ์และสัมผัสของกลิ่นอายความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทั้งบรรยากาศภายในขบวนรถไฟที่ทุกคนต่างมุ่งหวังอยากจะถึงที่หมายโดยเร็ว แต่รถไฟกลับแล่นช้าเสียเหลือเกินเนื่องจากขบวนรถที่ผ่านการใช้งานมายาวนาน และสองข้างทางรถไฟในบางช่วงที่อัดแน่นไปด้วยบ้านเรือนและบรรยากาศของสุขอนามัยที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ทำให้พวกเราจำเป็นต้องตั้งคำถามข้อสงสัยทำไมรัฐถึงไม่มีการจัดการสวัสดิการที่ดีกว่านี้ นี่หรือสวัสดิการที่พลเมืองพึงได้รับ อีกทั้งการจัดการความปลอดภัยในการเดินรถที่มักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ปัจจัยเบื้องต้นเหล่านี้ มันสะท้อนถึงความจงใจปล่อยปละละเลยของรัฐและจะแช่แข็งการพัฒนาการคมนาคมด้วยรถไฟไม่ให้มีความก้าวหน้าไปมากกว่านี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อเดินทางเข้าสู่ราชรัฐบางกอกแล้วช่างแตกต่างเปรียบดั่งอยู่คนละขั้วโลก

การเดินทางในคืนที่สอง จากสถานีหัวลำโพงสู่สถานีรถไฟขอนแก่น ยิ่งทำให้พวกเรารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เราจะต้องพบเจอในดินแดนต่างแดน บวกกับประเด็นของไผ่ก็เป็นที่จับตามองของสังคมและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว พวกเราทั้ง 8 คนได้มุ่งหน้าไปยังศาลประจำจังหวัดขอนแก่นอย่างกระตือรือร้นเพราะมันเป็นความตั้งใจของพวกเราที่อีกไม่นานก็จะได้พบสหายของเราแล้ว 

เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงหน้าศาลจังหวัดขอนแก่นยิ่งทำให้เราตื่นเต้นเป็นเท่าตัว เมื่อต้องพบเจอกับเจ้าหน้าที่รัฐรักษาความปลอดภัยอยู่หน้าประตูทางเข้ารวม ๆ 20 กว่าคน เมื่อพี่ ๆเจ้าหน้าที่เห็นพวกเราทั้ง 8 คนพร้อมกระเป่าใบใหญ่คนใบ ทำให้พวกเขารีบกรูเข้ามาสอบถามกันยกใหญ่พร้อมร้องขอจะถ่ายบัตรประชาชนโดยใช้สถานการณ์บีบบังคับให้เราต้องจำยอมให้บัตรประชาชนไปและสัญญาว่าจะให้เราเข้าไปข้างในศาลได้ แต่เขาก็ไม่รับประกันว่าจะได้เจอไผ่หรือเปล่า

 


 

และแล้วพวกเราก็ได้เข้าไปยังห้องที่ใช้ในการพิจารณาหลักฐานคดีของไผ่ โดยใช้ทักษะเฉพาะตัวนิดหน่อยของสหายนักกิจกรรมในการพาเข้าไปยังห้องดังกล่าว สิ่งแรกที่เราพบหลังจากก้าวเข้าไปในห้องพิจารณาหลักฐานนั้นคือรอยยิ้มของชายคนหนึ่งที่เรารู้สึกคุ้นเคย รอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยพลังที่ส่งผ่านให้กับคนรอบข้าง รอมยิ้มที่ไม่ยอมจำนนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ชายคนนั้นก็คือ "ไผ่"  หลังจากที่เราสบตาและกล่าวทักทาย เราต่างก็รีบเข้าไปสัมผัสฝ่ามือและสวมกอดซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งมิตรภาพ

“ถึงแม้เรากับไผ่อาจจะไม่ได้สนิทกันเป็นพิเศษแต่มันไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเราในการจะเชื่อมใจต่อกันเพื่อจะสัมผัสอารมณ์และความรู้สึกของกันและกัน แม้เราจะไม่สามารถสะท้อนความรู้สึกเป็นคำพูดส่งถึงกันได้อย่างเต็มที่ แต่เราก็เชื่อว่าเราสามารถสัมผัสถึงกันได้ ”


 

ต่อหน้าศาลที่เคารพเราได้เห็นถึงแผ่นหลังของชายคนหนึ่งที่แผ่กว้าง บวกกับคำพูดและน้ำเสียงที่ไม่หวั่นไหวต่อชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับตัวเขา เขายึดมั่นในหลักการและจุดยืนของตนอย่างตั้งมั่นไม่ไหวเอนตามแรงกดดันจากผู้มีอำนาจชี้ชะตา ปรากฏการณ์นี้ทำให้เหล่าผู้สังเกตการณ์ตื้นตัน จนต้องตื่นจากอาการสะลึมสะลือ มึนชา สับสน สู่การฮึดสู้อีกครั้ง เพื่อคอยค้ำจุนและให้กำลังใจต่อกันอย่างเต็มความสามารถ อีกทั้งเราได้เห็นมิตรภาพของเหล่ามิตรสหายและพี่พี่ทนายที่รายล้อมพยายามช่วยเหลืิอกันอย่างทุ่มเทเต็มความสามารถ ถึงแม้ในรอบนี้ศาลยังคงยืนยันในคำตัดสินเดิมและปฏิเสธการให้ประกันตัวเช่นเคย แต่ความหวังถึง"อิสระภาพ"ก็ยังคงอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย

 


 

ก่อนลากลับพวกเราทั้ง 8 คนได้ไปพบปะเหล่ามิตรสหายที่มาในวันนี้และได้แลกเปลี่ยนของที่ระลึกต่อกัน อีกทั้งเรายังหอบของที่ระลึกจากปาตานีฝากให้กับครอบครัวของ"ไผ่" ถึงแม้เราจะอยู่กันคนละมาตุภูมิ ถึงแม้เราจะอยู่ห่างกันไกลสักเพียงใด แต่เราก็จะอยู่เคียงข้างร่วมต่อสู้เพื่อทวงคืน"สิทธิ"อันชอบธรรมของพวกเราต่อไป

สุดท้ายก็ขอฝากขอบคุณพ่อแม่พี่น้อง เหล่ามิตรสหายทุกท่าน ที่ร่วมให้กำลังใจและสนับสนุนให้การเดินทางของพวกเราในครั้งนี้จนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

หนึ่งชีพ ล้มลง จ่งเพิ่มพันทวี
จากนี้ขอเราจงได้ชัย จากนี้ขอเราจงได้ชัย !!!

 

ที่มา https://www.facebook.com/arifin.soh.3/posts/397308197296452