คำกล่าวตอบรับรางวัล นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้รับรางวัลรามอน แมกไซไซ สาขาบริการภาครัฐ ปี ๒๕๔๘
คำกล่าวตอบรับรางวัล
นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้รับรางวัลรามอน แมกไซไซ สาขาบริการภาครัฐ ปี ๒๕๔๘
วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๔๘ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศฟิลิปปินส์ เมืองมะนิลา
ท่านประธานศาลฏีกา คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลรามอนแมกไซไซ เพื่อนผู้รับรางวัล และแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน
ย้อนกลับไปในวันนี้เมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว ในคำกล่าวตอบรับรางวัลรามอน แมกไซไซ สาขาบริการภาครัฐของดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ คุณพ่อของผม ได้เอ่ยถึง “ใจ” น้องชายคนเล็กของผมซึ่งขณะนั้นอายุ ๑๒ ปี และเป็นนักสะสมแสตมป์ คุณพ่อเล่าว่า ใจได้หยิบยกเอาคำพูดหนึ่งของประธานาธิบดีรามอน แมกไซไซที่ปรากฏในแสตมป์ที่ระลึกมาบอกให้คุณพ่อได้รับทราบ คำพูดนั้นกล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้าเชื่อว่า คนที่ได้โอกาสน้อยในชีวิต ควรได้รับโอกาสพิเศษในทางกฎหมาย”
ในวันนี้ ผมก็มีอีกเรื่องที่อยากจะเล่าเกี่ยวกับ “ใจ” ซึ่งผมเพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้ นั่นคือ หลังจากที่ใจได้รับการแจ้งว่า ชื่อของผมอยู่ในกระบวนการพิจารณารางวัลนี้ ใจได้เสนอว่า มันน่าจะดีกว่าถ้าไม่ใช่ผม แต่เป็นทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่ได้รับการเสนอชื่อแทน ในประเด็นนี้ผมเห็นด้วยกับน้องผมอย่างยิ่ง
สมชาย นีละไพจิตร เป็นประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม และเป็นทนายซึ่งสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือชาวมุสลิมทั้งหลายที่ต้องตกเป็นจำเลย ซึ่งมักเป็นคนที่“ได้โอกาสน้อยในชีวิต” เหมือนอย่างที่รามอน แมกไซไซกล่าวถึง และในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๗ เป็นวันที่ทนายสมชายต้องเสียสละอย่างถึงที่สุด เขาถูกลักพาตัวออกไปจากรถยนต์ของเขาในพื้นที่กรุงเทพฯ และหายสาบสูญไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่เขาได้เริ่มรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอให้ยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกในสามจังหวัดชายแดนใต้ และเพิ่งร้องเรียนต่อกรรมาธิการหนึ่งของวุฒิสภาเพื่อขอให้สอบสวนกรณีที่ตำรวจถูกกล่าวหาว่า ข่มเหงและทรมานผู้ต้องสงสัยห้าคนซึ่งเป็นลูกความของเขาเพื่อให้สารภาพตามข้อกล่าวหา แม้ล่าสุดจะมีการจับกุมและดำเนินคดีกับตำรวจห้านายในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายสมชายโดยคดีนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล แต่ก็คงจะเป็นไปได้ยากที่ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของทนายสมชายจะถูกเผยตัวออกมาในอนาคตอันใกล้นี้
น่าเสียดาย ที่มูลนิธิรามอน แมกไซไซไม่อนุญาตให้เสนอชื่อผู้ที่คาดว่าเสียชีวิตแล้วเพื่อเข้ารับการพิจารณารางวัล และด้วยเหตุดังกล่าว ผมจึงอยู่ที่นี่ และได้รับเกียรติอย่างสูงยิ่งในวันนี้ ดังนั้นในประการแรกผมจึงขออุทิศรางวัลนี้ให้แก่ทนายสมชายและครอบครัวของเขา
รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของประเทศไทย ได้ให้การรับรองในเรื่องสิทธิ และเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยของบุคคลและชุมชน ไม่แพ้มาตรฐานของประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ ทั่วโลก แต่แม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะใช้มาแล้วเป็นเวลาแปดปี ดูเหมือนประเทศไทยยังเกิดกรณีที่เลวร้ายในด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิตามกฎหมาย ซึ่งกรณีการสูญหายไปของทนายสมชายเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง
รัฐธรรมนูญของเรารับรองสิทธิของชุมชนที่จะมีส่วนร่วมในการจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเขา และสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาความเห็นอย่างยุติธรรมในกรณีที่ชุมชนอาจได้รับผลกระทบจากโครงการใดๆ ทว่า ไม่เพียงแต่สิทธิชุมชนเหล่านี้จะถูกเพิกเฉยมาตลอด แต่ทรัพยากรทางธรรมชาติไม่ว่าที่ดิน ผืนป่า และลุ่มน้ำ ยังถูกแย่งไปจากชุมชนอีกด้วย ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๔๔ มีผู้นำชุมชนอย่างน้อย ๑๕ คนจากทุกภาคของประเทศถูกลอบฆ่าตาย เพียงเพราะพวกเขาต้องการที่จะปกป้องชุมชนและต่อต้านบุคคลภายนอกที่พยายามเข้ามาแสวงผลประโยชน์แล้วทำลายสิ่งแวดล้อม ผู้นำชุมชนเหล่านี้ไม่เคยได้รับการคุ้มครองหรือแม้แต่การยอมรับจากหน่วยงานภาครัฐ ทั้งที่ผลงานของเขาเป็นประโยชน์ทั้งต่อชุมชนและต่อสังคมโดยรวม และในแทบทุกกรณี ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารไม่เคยได้รับการลงโทษ ฉะนั้นจึงมีความสำคัญยิ่งที่ผมควรจะต้องอุทิศรางวัลนี้ให้แก่ผู้นำชุมชนที่กล้าหาญและเสียสละเหล่านั้น
นับแต่ปี ๒๕๔๗ ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น มีเหตุการณ์ฆ่ารายวันโดยผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งที่เป็นคนในพื้นที่ แต่ในขณะเดียวกัน มีรายงานมากมายที่ชี้ว่ามีตำรวจและทหารบางส่วนที่ปฏิบัติต่อชาวมุสลิมในพื้นในลักษณะที่ขัดต่อหลักนิติธรรม โดยมีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการอุ้ม การฆ่า และการทรมาน ข่าวเหล่านี้ทำให้ประชาชนในพื้นที่จำนวนมากเกิดความไม่พอใจและไม่ไว้วางใจต่อหน่วยงานด้านความมั่นคง ยังมีเหตุการณ์ที่น่าสงสัยเกี่ยวกับการตายหมู่ของสมาชิกทีมฟุตบอล ๑๙ คนที่อำเภอสะบ้าย้อยในเดือนเมษายน ๒๕๔๗ และอีกหกเดือนต่อมายังมีกรณีของประชาชนอีก ๗๘ ชีวิตที่อยู่ในฝูงชนที่ชุมนุมที่อำเภอตากใบ และต้องเสียชีวิตไปในระหว่างที่อยู่ในการควบคุมตัวของทหาร ก็เป็นเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนขวัญอย่างยิ่ง สร้างความไม่สบายใจแก่ทุกคนที่เคารพในคุณค่าต่างๆ ที่เป็นรากฐานแห่งรัฐธรรมนูญของประเทศของเรา
ผมจึงขออุทิศรางวัลนี้ให้แก่ทุกๆ คนที่ทำงานเพื่อความสงบสุขและความยุติธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงสมาชิกทุกคนของคณะกรรมการสมาฉันท์แห่งชาติ ซึ่งมีนายอานันท์ ปันยารชุน เจ้าของรางวัลแมกไซไซเป็นประธาน
ผมยังต้องการอุทิศรางวัลนี้ให้แก่นักเคลื่อนไหวด้านประชาสังคมทุกคน ไม่ว่าจะสังกัดเอ็นจีโอหรือองค์กรภาคประชาชนที่ยังยืนหยัดทำงานภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก เพื่อส่งเสริมความเป็นธรรมทางสังคมและสิทธิมนุษยชน เพื่อเสริมสร้างพลังและความเข้มแข็งของกลุ่มผู้ไร้อำนาจในสังคม และเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อมอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้รวมถึงเพื่อนๆ ในเครือข่ายของมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ และเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี / เอดส์
นอกจากนี้ผมขออุทิศรางวัลนี้ให้กับทุกคนที่ร่วมผลักดันให้เกิดเสรีภาพของสื่อมวลชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๓๙ และ ๔๑ รวมถึงนักหนังสือพิมพ์และสื่อทั้งหลายที่ดำรงตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณทางวิชาชีพสื่อ โดยการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและไม่หวั่นไหวจากการถูกคุกคามในทุกรูปแบบ รวมถึงอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวของไอทีวี ผู้จัดรายการวิเคราะห์ข่าวทางวิทยุบางคน และนักหนังสือพิมพ์ส่วนหนึ่งซึ่งได้รับผลกระทบจากการทำหน้าที่อย่างสุจริต และรวมถึงนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ จากคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อที่ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายสูงกว่ารายได้ทั้งปีของเธอถึงพันเท่าร่วมกับหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
สุดท้าย แต่สำคัญไปไม่ยิ่งหย่อนเลย ผมอยากจะอุทิศรางวัลนี้ให้กับเพื่อนสมาชิกวุฒิสภาทุกคน ที่ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัดตามคำปฏิญาณของตน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวม และโดยยึดมั่นในหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ท้ายนี้ ผมขอแสดงความรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ที่มูลนิธิรามอน แมกไซไซ ได้ให้โอกาสผมรับรางวัลอันมีเกียรตินี้ แทนเพื่อนคนไทยจำนวนมากมายที่ได้ยืนหยัดร่วมกันเพื่อพยายามทำให้ประเทศไทยของเราเป็นสังคมที่มีความน่าอยู่มากขึ้นสำหรับประชาชนทุกๆ ส่วน