ถอดรหัส-ชำแหละสงครามคลิป : ผู้ร้าย-พระเอก ตอนที่ 1

     

     เป็นความช็อกของสังคมไทยอย่างมากเลยทีเดียวที่อยู่ๆก็ได้มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่2มีนาคม2558 ของบุคคลซึ่งปกปิดใบหน้าและคลุมตัวด้วยผ้าสีน้ำตาลอ่อน ดูผิวเผินแบบผ่านๆคล้ายจีวรของพระสงฆ์ แนะนำตัวแบบแอบอ้างว่าตนเป็นลูกหลานของท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล.) ชื่อว่า "กูซัยค์" ทำการประกาศเชิญชวนชาวมุสลิมอัลฟาฏอนีทำสงครามศาสนาอิสลามกับ "กาเฟร" ซึ่งอยู่ในพื้นที่อัลฟาฏอนีเพื่อขับไล่ออกนอกพื้นที่ โดยได้ยื่นเงื่อนไขสงบศึก2กรณี 1คือให้ออกนอกพื้นที่ภายในวันที่ "30เมษายน2558" อีก1คือถ้าไม่ออกนอกพื้นที่ภายในเวลาดังกล่าวให้ทำการจ่ายภาษีจำนวนเงิน1,250ต่อเดือนหรือ15,000 ต่อปี แก่ "มัสยิดและตาดีกาทุกแห่ง"

     ตอนแรกที่ผู้เขียนได้ดูคลิปนี้ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นคลิปการระบายความเครียดแบบธรรมดาๆทั่วไปที่คงจะไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสาร แต่เมื่อได้ดูอีกครั้งในวันที่2 นับจากคลิปถูกเผยแพร่ครั้งแรกนั้น ได้เห็นการวิพากษ์วิจารณ์ของเสมือนตัวแทนชุดความคิดของชาวมุสลิมและชาวพุทธในโลกโซเชียลมีเดียแบบรุนแรงกันมาก ต่างฝ่ายต่างก็ซัดกันไปซัดกันมาด้วยวาจาคำพูดของอารมณ์ที่ไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน คล้ายๆได้เกิดสมรภูมิรบระหว่างชาวมุสลิมกับชาวพุทธในโลกโซเชียลมีเดียไปแล้ว

     ปรากฏการณ์แบบนี้สำหรับผู้เขียนและสำหรับคนทั่วไปก็น่าจะมีความรู้สึกไม่ต่างมากนัก ว่ามันน่าจะไม่ใช่เป็นปรากฏการณ์แบบ “ไร้เดียงสา” ไม่มีความเชื่อมโยงใดๆกับปรากฏการณ์อื่นๆหรือไม่มีแรงขับอะไรเลยคงจะเป็นไปไม่ได้  เพราะถ้าสังเกตคำพูดแต่ละคำนั้นล้วนมีนัยยะ"หวังผลทางจิตวิทยาการเมืองอย่างเฉพาะเจาะจง"โดยเฉพาะเมื่อวันที่3มีนาคม2558 หนึ่งวันหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ก็ได้มีคลิปวิดีโอของบุคคลปกปิดใบหน้าด้วยผ้าขาวม้าใช้คำพูดในภาษาไทยภาคอีสาน ซึ่งมีเนื้อหาหักล้างกับคลิปวิดีโอที่อ้างเป็นลูกหลานท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล.)ทำนองว่ากล่าวหาบุคคลดังกล่าว "ไม่ใช่นักรบเพื่อศาสนาอย่างแท้จริง เป็นแค่ผู้ก่อการร้ายที่สมควรถูกทำลาย ฆ่าให้สิ้นซาก" อีกทั้งยังเรียกร้องให้ชาวพุทธและชาวมุสลิมร่วมมือกันต่อต้านขบวนการก่อการร้าย ซึ่งในมิติของผลลัพธ์ทางความรู้สึกจิตวิทยามวลชนแล้ว ถือว่าการปรากฏตัวของคลิปผ้าขาวม้าส่งผล “เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายความมั่นคงไทยมากกว่า” ฝ่ายขบวนการปลดปล่อยปาตานีเป็นเอกราชแน่นอน และยิ่งตอกย้ำความอ่อนไหวแบบแหลมคมของคลิปอุกอาจแอบอ้างเป็นลูกหลานท่านศาสดานบีมูฮำหมัด(ซ.ล.) ด้วยการสร้างบาดแผลเชือดหัวใจของคนสองศาสนาระหว่างมุสลิมกับพุทธเกิดความรู้สึกร่วมว่ากำลังจะถูกกดดันและถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณเหมือนเหยื่อของISISโดยปริยาย

     เมื่อสถานะของคลิปดังกล่าวได้ส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดทางจิตวิทยามวลชนเชิงปลุกเร้าให้เกิดปฏิกิริยาการมีท่าทีแบบต่อต้านต่อกันของสังคมมุสลิมและสังคมพุทธในวงกว้างแบบไร้เดียงสา

     ผู้เขียนคิดว่าจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่สังคมสาธารณะทุกศาสนาและทุกเชื้อชาติจะต้อง "มีสติ" ในการบริโภคสื่อประเภทนี้ด้วยวิธีการพื้นฐานแบบง่ายๆคือ "การตั้งสติ" พินิจพิจารณาไตร่ตรองที่มาที่ไปหรือต้นสายปลายเหตุของปรากฏการณ์แบบนี้อย่างรอบด้านและเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ไร้เดียงสาจนเกินไปจนมองเป็นเรื่องตลกไร้แก่สาร

     สิ่งที่พอจะเป็นเครื่องยืนยันว่าปรากฏการณ์คลิปแอบอ้างว่าเป็นลูกหลานท่านศาสดานบีมูฮำหมัด(ซ.ล.) ไม่ไร้เดียงสาก็คือจากเนื้อหาของคลิปดังกล่าว “เมื่อทำการถอดรหัสจะเห็นได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับหลากหลายปัจจัยซึ่งอาจเป็นแรงขับสำคัญทำให้เกิดปรากฏการณ์คลิปในรูปแบบดังกล่าวอย่างน่าสงสัยชวนฉงนใจมากเลยทีเดียว”

ลองเรามาพิจารณาร่วมกันแบบคำต่อคำ ประโยคต่อประโยคของเนื้อหาคำพูดในคลิปดังกล่าวดังต่อไปนี้

“ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ วะอัชฮะดุอันนะมุฮัมมะดัรร่อซูลุ้ลลฺ บิสมิลลาฮิรฺ เราะฮฺมานิรฺรอฮีม แถลงการณ์ครั้งที่1 ขบวนการมูญาฮิดีนริบาตอัลฟาตอนี ข้าคือ กูซัยค์ ผู้นำแห่งขบวนการมูญาฮีดีนรีบาตอัลฟาตอนี ตามบัญชาแห่งอัลอัลเลาะฮฺ ซุบาฮานะฮูวาต้าอาลา และ ซุนนะห์ ของท่านศาสดามูฮัมหมัด"

 "เราจะขับไล่กาฟิรผู้รุกรานเพื่อสถาปนารัฐอิสลามอย่างเต็มรูปแบบ ประเทศฟาตอนีดารุสลามถูกก่อตั้งโดยเชื้อสายศาสดามูฮัมหมัด(ซ.ล.) กาฟิรผู้รุกรานได้แต่งขึ้นมาใหม่เพื่อตบตาชาวโลก โอ้ชาวฟาตอนีข้าคือลูกหลานเชื้อสายท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ.ล.) คนหนึ่ง"

"จงร่วมกับข้าฯ ต่อต้านกาฟิร จากที่ที่ท่านอยู่ จงเป็นมูญาฮิดีน ณ บ้านของท่าน จงใช้มีด พร้า จอบเสียม ปกป้องครอบครัวของท่านจากฟิตนะห์ของกาฟิร จงหยุดติดต่อค้าขาย และร่วมกิจกรรมกับกาฟิร ถึงชาวมลายูสุนัขรับใช้กาฟิร ได้แก่ ทหาร ทหารพราน ตำรวจ อส. ชรบ. ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ปกครอง สภาอูลามาของ ศอ.บต. สายข่าวและงานความมั่นคงทุกคน จงวางอาวุธ และลาออกสำหรับประชาชนชาวไทยพุทธทุกคนจงออกไปจากฟาตอนีดารุสลาม หรือไม่จงจ่ายภาษีแก่รัฐบาลฟาตอนี"

"โดยบริจาคให้มัสยิด หรือโรงเรียนตาดีกาทุกแห่ง ในอัตราเดือนละ 1,250 บาท หรือปีละ 15,000 บาท ถึงรัฐบาลแห่งประเทศไทย จงถอนกำลังทุกหมู่เหล่าออกจากแผ่นดินนี้ และจงปล่อยตัวนักโทษด้านความมั่นคงทุกคน ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2558 หากปฏิเสธ นักรบของเราทุกคนพร้อมที่จะพลีชีพทุกวิถีทาง ท่านจะสูญเสียมากกว่าสามจังหวัดแน่นอน อัสลามูอาลัยกุม.....อัลลอฮ อักบัร อัลลอฮ อักบัร..."

ปัจจัยแรกคือคลิปดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่เป็นกระแสสูงของความรู้สึกสังคมสาธารณะต่อ "อิสลามโฟเบีย" ซึ่งแปลว่าความหวาดกลัวสุดขีดต่อผู้นับถือศาสนาอิสลามอย่างไร้เดียงสาโดยเฉพาะในสังคมชาวยุโรปและลามมาถึงในสังคมไทย  โดยผ่านช่องทางของการนำเสนอของ "สิ่อกระแสหลัก" ซึ่งสังคมสาธารณะยังติดตาฝังใจกับภาพของการเชือดคอเหยื่อที่เป็นเชลยศึกของขบวนการ "ISIS"

ปัจจัยที่2 "น่านโมเดล" คลิปดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสสูงของการต่อต้านกิจกรรมทางศาสนาอิสลามในประเทศไทยโดยชาวไทยพุทธโดยเฉพาะปรากฏการณ์การรวมตัวกันของชาวไทยพุทธในจังหวัดน่านคัดค้านการสร้างสร้างมัสยิดของชาวมุสลิมในจังหวัดน่านโดยให้เหตุผลว่า "กลัวว่าจะกลายเป็นเหมือนสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้"

ปัจจัยที่3 คลิปดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสสูงของปรากฏการณ์ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะให้มีความเป็นรูปธรรมของ "กระบวนการพูดคุยสันติสุข" ของฝ่ายความมั่นคงรัฐไทยกับฝ่ายความมั่นคงรัฐมาเลเซียและบางส่วนบางกลุ่มของขบวนการอุดมการณ์เพื่อการปลดปล่อยปาตานีเป็นเอกราชและมีการเปรยๆจากฝ่ายความมั่นคงรัฐไทยว่าแนวโน้มจะมีการเปิดเผยตัวคณะพูดคุยของทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นทางการ “ภายในเดือนเมษายน2558”

ปัจจัยที่4 คลิปดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสสูงของการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายฝ่ายความมั่นคงที่ได้ประกาศว่าจะทำการ “ถอนทหารหลักที่มาจากภูมิภาคอื่นออกนอกพื้นที่ให้หมด ภายในเดือนเมษายน2558” ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หรือถ้าถอนออกจริงๆแล้วจะมีการทดแทนกำลังพลด้วยอาสามัครทหารพราน ชุดอาสาสมัครติดอาวุธต่างๆจากคนในพื้นที่ในอัตราที่มากขึ้นกว่าที่มีอยู่เดิมหลายเท่าหรือไม่

ปัจจัยที่5 ช่วงเวลาภายในเงื่อนไขเวลาที่คลิปดังกล่าวได้ระบุไม่เพียงแต่บังเอิญตรงกับช่วงเวลา “ดีเดย์” ของสองปรากฏการณ์ใหญ่ แต่ยังตรงกับเดือนครบรอบแห่งการนองเลือดในบ้านของพระเจ้านั่นคือตรงกับ “เหตุการณ์กรือเซะ28 เมษายน 2547”

ข้อสังเกตที่น่าสนใจของปัจจัยข้อนี้คือคลิปดังกล่าวตั้งใจจะ “ปลุกเร้าความรู้สึกนึกคิด” ของสังคมสาธารณะต่อภาพความรุนแรงในลักษณะของเหตุการณ์กรือเซะหรือไม่ เพราะในเรื่องของอาวุธที่ใช้มีดพร้า ก็บังเอิญตรงกับคำเชิญชวนของเนื้อหาในคลิปดังกล่าว

อ่านต่อในตอนที่ 2 ...
 

หมายเหตุ: งานเขียนชิ้นนี้ เป็นมุมมอง  ความเห็น ความรู้ ส่วนบุคคล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์กรแต่อย่างใด ปาตานี ฟอรั่ม เป็นเพียง "พื้นที่สาธารณะ พื้นที่แห่งการตื่นรู้" เพื่อหวังสร้างสรรค์สังคมแห่งปัญญา