เสียงจากกำปง “สนทนา หาเรื่อง” แตกกิ่ง ต่อก้าน งานพัฒนาชุมชน

ปาตานี ฟอรั่ม จัดกิจกรรมคาเฟ่ในหัวข้อ เสียงจากกำปง “สนทนา หาเรื่อง” แตกกิ่ง ต่อก้าน งานพัฒนาชุมชน โดยมีวิทยากร คุณรุสลัน อารง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกเคียน คุณอารุณ บินหะวัน อิหม่ามประจำมัสยิดตือลากอมือดัน คุณอาอีซะห์ ตีมุง ประธานกลุ่มสตรีทำขนมเพื่อส่งเสริมอาชีพ คุณมูหัมหมัดสะแปอิง หะยีเซ็ง ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลโคกเคียน

การเสวนาครั้งนี้เริ่มต้นที่ คุณอาอีซะห์ ตีมุง กล่าวถึงถึงที่มาของตัวเองอาสาเข้ามาพัฒนาชุมชน ได้ก่อตั้งกลุ่มเกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยก่อนเข้ากลุ่มต้องทำการอบรมโครงการต้นกล้าอาชีพ จากการเข้าอบรมครั้งนั้นได้เปลี่ยนแปลงความคิดใหม่ ซึ่งตรงนี้เองต้องขึ้นมานำ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งไม่มีใครเข้าใจคนในพื้นที่ เท่ากับคนในพื้นที่ด้วยกันเอง และได้ก่อตั้งเครือข่ายพัฒนาตำบลเกาะสะท้อน

ปัจจุบันเครือข่ายได้ดำเนินกิจกรรมมาถึง 3 ปี โดยส่วนตัวเข้ามามีบทบาทในตำแหน่ง รองประธานผู้นำศูนย์พัฒนาตำบลเกาะสะท้อน มีหน้าที่เป็นผู้นำในการกระตุ้น ให้เกิดผู้นำให้เดินหน้าสู่การแก้ปัญหาให้เกิดความสุขในชุมชนของเราอย่างแท้จริง ได้เปิดอีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งเป็นช่องทางที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ก็คือ เป็นนักจัดรายการวิทยุของ ศอ.บต.

โดยการจะสร้างกลุ่มให้มีความยั่งยืนเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ซึ่งที่ทำเป็นกลุ่มทำขนม ซึ่งการทำงานก็ไม่แตกต่างจากองค์กรบริหารอื่นๆ การที่จะทำให้เป้าหมายของคนในกลุ่ม คิดเหมือนกัน เพื่อส่งเสริมอาชีพในชุมชน เพื่อเปิดเวทีพูดคุยระหว่างกัน จากการที่ต่างคนต่างอยู่ พอมีกลุ่มอาชีพเข้ามา ทำให้คนได้อยู่ร่วมกัน จากแรกๆ มีสมาชิกเพียงไม่กี่คน จนปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกเพิ่มมากขึ้นด้วย อีกหลายๆ คนก็มีส่วนร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมในชุมชนให้มีการขับเคลื่อนต่อไป และเพื่อให้เกิด เพื่อให้หลายๆ คนเห็นความสำคัญในการอยู่ร่วมกัน การเผยแพร่ความรู้ การเผยแพร่ความรู้สึกดีๆ เป็นสิ่งจำเป็นที่มุสลิมด้วย

และตอนนี้ มีการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์มุสลิม ในพื้นที่ของเรา โดยมีสมาชิกเริ่มต้น 48 คน เราอยากให้คนในสังคมมีส่วนร่วม ซึ่งจะเป็นจุดศูนย์รวมที่จะให้ชาวบ้านเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยกัน และเป็นศูนย์เรียนรู้ให้แก่ผู้คนในสังคม

ทางด้านอิหม่ามอารุณ บินหะวัน กล่าวถึง การพัฒนาชุมชนในด้านของอิสลาม เยาวชนเป็นเครื่องจักรสำคัญ ที่จะทำให้งานหรือชุมชนเข้มแข็งขึ้น สังเกตได้ว่าในปัจจุบันนี้ถ้าเยาวชนเข้มแข็ง จะทำให้ชุมชนเข้มแข็งตามไปด้วย นับวันคนหนุ่มสาวอายุยิ่งมากขึ้น กลุ่มเยาวชนเหล่านี้จะขึ้นมาทำงานสานต่อภารกิจของคนรุ่นเก่า

ทางด้านศาสนาอิสลาม คำสอนในการพัฒนาด้านสังคม มันต้องมีขั้นตอน ซึ่งต้องเริ่มต้นด้วยผู้นำต้องยึดขั้นตอนที่ถูกต้อง พวกเราทุกคนที่เป็นมุสลิม การที่จะพัฒนาอะไรต้องยึดตามอัลกุรอานและอัลหะดีษ ซึ่งเป็นการงานที่ดี หากเรายึดสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ศาสนา การงานเราก็จะไม่ดี หากเรายึดตามหลักของศาสนาอิสลามนี้ สามารถฝ่าฝันอุปสรรคไปไว้ เพราะอิสลามได้ตอบโจทย์ไว้แล้ว อย่างเช่นคนๆ หนึ่งที่เข้าใจในศาสนาอิสลาม และรู้จักนำสิ่งที่เขารู้มา มาปฏิบัติ  จะเปลี่ยนการงานที่ไม่ดีเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งการละหมาดจะเปลี่ยนความชั่วร้ายต่างๆ ได้ ถ้าเราไม่ทำการละหมาด ไม่เข้ามัสยิด ไม่ปฏิบัติตามหลักการของศาสนา การงานก็ไม่ใช่เป็นบารอกัต เมื่อวินัยส่วนตัวยังไม่ได้ เราจะไปพัฒนาการงานอื่นๆ ได้อย่างไร ฉะนั้นการที่เราจะพัฒนาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราต้องใช้ศาสนามามีส่วนช่วย

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือควรพัฒนาคนก่อน เพราะคนจะไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมอื่นๆ ได้ ณ วันนี้เราต้องเพิ่มพูนความรู้ให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ สร้างองค์ความรู้ให้ตระหนักเรื่องศาสนา อีกอย่างในเรื่องของผู้นำ หากเราเลือกเขาเป็นผู้นำแล้ว เราต้องตออัต และให้ความร่วมมือกับการขับเคลื่อนงานไปด้วยกัน กับผู้นำที่ได้เราได้เลือกมาแล้ว การจะได้ดำเนินไปด้วยความสะดวก จะเห็นได้ว่าทุกเรื่องของการพัฒนาอิสลามได้สอนไว้แล้ว ให้ผู้ศรัทธาได้เดินตาม

ต่อมาคุณมูหัมหมัดสะแปอิง หะยีเซ็ง การตื่นตัวของคนพัฒนา คนที่ทำงานด้านพัฒนา มองเห็นการพัฒนาเชื่อมโยงกับสันติภาพอย่างไรบ้าง  ถ้าเราจะพัฒนาให้ตอบโจทย์สันติภาพ ในส่วนของการทำงานพัฒนาในบริเวณพื้นที่นี้ ตัวอย่างเช่นการทำโครงการต่างๆ ในพื้นที่ การเสนอโครงการต้องตอบโจทย์สันติภาพ โครงการใดที่ไม่ได้กล่าวถึง ผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นการก่อเกิดสันติภาพ มักที่จะผ่านการอนุมัติยากมาก การพัฒนาที่จะทำให้เกิดสันติภาพ 100 เปอร์เซน เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าตอนที่ดำเนินการจัดทำโครงการพัฒนาที่โคกเคียน ได้งบประมาณมาจำนวนหนึ่ง

การพัฒนา ณ วันนี้จะนำไปสู่สันติภาพหรือไม่ การพัฒนา ณ วันนี้ อยู่บนความขัดแย้ง และในบางพื้นที่นี้ แนวทางการพัฒนา นำไปสู่ความขัดแย้ง จะนำไปสู่สันติภาพได้อย่างไร หลายๆ วิธีที่เราเข้าไป คุณไม่มีศักยภาพ ชุมชนไม่มีศักยภาพมากพอ ซึ่งรัฐบาลมองเพียงแค่ระดับบนและระดับกลาง ไม่มีการศึกษาถึงระบบแก่นแท้อย่างจริงจัง มีการศึกษาเพียงแค่ในเปลือกนอกอย่างผิวเผิน และทุกพื้นที่ ที่มีการพัฒนาลงไป ก็มีการเกิดความขัดแย้ง ชาวบ้านชินอยู่กับสิ่งที่รัฐบาลป้อนเข้ามาให้ โดยที่ชาวบ้านไม่ได้คิดเอง ชาวบ้านไม่กล้าที่จะตำหนิผู้นำที่ทำไม่ถูกต้อง  ทำให้ไม่มีใครกล้าตรวจสอบการใช้งบประมาณของหมู่บ้าน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบมากยิ่งขึ้น และให้เข้าถึงประชาชนจริงๆ

เราต้องเรียกร้องให้ชาวบ้านรู้จักความเป็นธรรม ซึ่งการพัฒนาเราต้องพัฒนาให้ชาวบ้านมีความกล้าหาญในการพูดปกป้องสิทธิ์ของตนเอง ที่ตนเองควรได้รับ และรู้จักการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ว่ามีปัญหาหนึ่ง ปัญหาใดเข้ามาแล้ว จะจัดการอย่างไร

การถูกมองว่าไม่มีศักยภาพในการทำโครงการพัฒนา เป็นการถูกเอาเปรียบจากแกนนำหมู่บ้าน แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ ด้วยความไม่รู้และความไม่เคยของประชาชน เขาให้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น แต่หลายพื้นที่ก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี ถ้ามองถึงศักยภาพสามารถจำแนกออกได้เป็นสามกลุ่ม ตัวเรา ตัวประสาน (คนกลาง) และโครงการที่จะทำ

ทั้งหมดนี้เป็นเสียงสะท้อนจาก นักการเมืองท้องถิ่น นักพัฒนาสังคม และนักการศาสนา ต่อประเด็นของการพัฒนาท่ามกลางกระแสของกระบวนการที่จะนำไปสู่สันติภาพในพื้นที่