บทสะท้อนไฟใต้ ความรู้ท่วมหัวเอาไฟใต้ไม่อยู่
บทสะท้อนไฟใต้ ความรู้ท่วมหัวเอาไฟใต้ไม่อยู่ การเสวนาในครั้งนี้จัดขึ้นที่ ศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งปาตานี ฟอรั่ม ได้รับเกียรติจาก วิทยากรที่มีความชำนาญและประสบการณ์เรื่องสถานการณ์ภาคใต้ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งได้แก่ คุณสุนีย์ ผาสุก ทำงานเกี่ยวกับเรื่องภาคใต้ อีกทั้งยังรายงานเรื่องภาคใต้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ใหม่ๆจนถึงปัจจุบัน ส่วนอีกท่านหนึ่ง คือ อาเตฟ เป็นกลุ่มเครือข่ายของเยาวชนที่ทำเรื่องภาคใต้ตัวคุณอาเตะเองก็มีประสบการณ์ร่วมหลายอย่างไม่ว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเองด้วยต่อสู้ในหนทางด้านกฎหมายสามารถที่จะออกมาพูดบางสิ่งบางอย่างในเรื่องนี้และวิธีการแก้ปัญหาภาคใต้อีกทั้งยังทำกิจกรรมหลายอย่างควบคู่กัน และคุณดอน ประทาน นักข่าวอาวุโสของ หนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น ภาคภาษาอังกฤษ ส่วนหนึ่งคุณดอนก็ยังได้เขียนบทความอยู่ในหนังสือ ประเด็นสำคัญที่จะนำเสนอในวันนี้คือ เหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดูเหมือนว่างานศึกษาตั้งแต่ปี 2004 หรือ 2547 ก็มีงานศึกษาเรื่องภาคใต้ ซึ่งมีจำนวนอยู่ไม่น้อยที่ศึกษาเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ หรือด้านบทความที่นำเสนอ นโยบาย การอุตสาหกรรมของการผลิตความรู้เหล่านี้มีอยู่มากพอสมควรเลยทำให้เกิด การตั้งคำถามว่า มีความรู้มากมาย แต่ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาปัจจุบันได้ ที่เรื้อรังมาจนถึงปัจจุบัน หัวข้อหนึ่งในเชิงการตั้งคำถาม เห็นว่าการที่เรามีความรู้มากๆมันจะสามารถที่จะแก้ปัญหาภาคใต้ได้
ในการเสวนาครั้งนี้ คุณอาเตฟ ได้นำเสนอว่า เรื่องราวของไฟใต้ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ต้องเข้าใจว่า มีความซับซ้อน ปัญหาภาคใต้เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้จากสื่อเอง ทั้งจากภาคประชาสังคม องค์การพัฒนาชุมชนต่างๆพยายามจะนำเสนอ มันเป็นความขัดแย้งที่มีหลายรูปแบบทับซ้อนกันมีกระทั้งเรื่องของการใช้อาวุธ ยาเสพติด และเรื่องการค้าของเถื่อนและเรื่องอื่นๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราต้องตกผลึกร่วมกันก่อน ปัญหาภาคใต้ภัยหลักจริงๆเป็นเรื่องของการต่อสู้กันในกรุงเทพเองก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยซึ่งอ้างตัวเองต้องการปลดปล่อยจากความเป็นเอกราชอันนี้คือภัยหลักจริงๆ ส่วนภัยอื่นๆเป็นภัยแทรกซ้อน ปัญหาไฟใต้ที่เกิดขึ้นในช่วง 2548หรือ 2549 แน่นอนสถิติมันน้อยลงแต่ว่าคุณภาพของการก่อเหตุมันชัดเจนมากขึ้น ผมจะยกตัวอย่างเมื่อก่อน การเผายางรถยนต์ หรือวางตะปูเรือใบเผาอย่างรถยนต์พร้อมกันในจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือปัตตานีห้าสิบจุดสถิติก็จะเป็นห้าสิบเหตุเกิดขึ้น แต่ว่าทุกวันนี้การเผายางไม่มีจะมีอีกทีหนึ่งก็ระเบิดไปเลยแล้วหรือการกราดยิงร้านน้ำชาก็เป็นเหตุที่ทำให้คุณค่าการก่อเหตุลดลงจำวนของเหตุการณ์ลดลงแต่จำนวนผู้ที่ได้รับความสูญเสียหรือได้รับผลกระทบเท่าเดิม
ต่อมาคุณสุนัย ได้นำเสนอถึงประเด็นของสิทธิมนุษยชน ซึ่งเขาได้เสนอมุมมองที่หลากหลายเช่น สิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทันทีจากความรุนแรงสิทธิมนุษยชนก็เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นการใช้ความรุนแรงที่มีผลต่อสิทธิมนุษยชนที่จะมีชีวิตรอดให้ได้จากการคุกคามแล้วรูปแบบของการถูกคุกคาม เราจะเห็นความรุนแรงที่เหมือนกับปิงปองที่โต้กันไปโต้กันมา หมายถึงว่า ทางกลุ่มแยกดินแดนทั้งรุนแรงแบบเปิดเผยและรุนแรงแบบไม่เปิดเผย ความรุนแรงแบบเปิดเผย ก็คือการรุมล้อมและจับกุมก็มีการปะทะกันก่อให้เกิดการสูญเสียเกิดขึ้นรุนแรงแบบไม่เปิดเผยการใช้วิธีนอกกฎหมายเช่นซ้อมทรมาน กักขังโดยพลการโดยมีกฎหมายมารองรับ พ.ร.บ. ฉุกเฉินนั้นเอง แล้วใช้กฎอัยการศึกมากักก่อนเจ็ดวัน แล้วต่อด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินจากนั้นก็กักขังไปเรื่อยๆถ้าตั้งข้อหาได้ก็ตั้งก็ติดคุกฟรีบางคนถึงขนาดติดบัญชีดำ ซึ่งเป็นรูปแบบความรุนแรงที่เกิดจากรัฐ จากเหตุการณ์ไฟใต้ตั้งแต่เปลี่ยนรัฐบาลมา คุณทักษิณ พลเอกสรยุทธ์ สมัคร สุนทรเวช สมชัย อภิสิทธิ จนถึงยิ่งลักษณ์ หกรัฐบาลรัฐบาลแรกสมัยคุณทักษิณจะไม่ยอมรับเลยว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ต่อจากนั้นคุณสุนัยได้กล่าวว่า ตนเองเคยคุยกับทางฝั่งรัฐบาลและฝ่ายกองทัพ ก็โดนตัดพ้อต่อว่าภาคใต้เป็นพื้นที่พิเศษเจ้าหน้าที่ทำผิดระหว่างปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ใช้กฎหมายพลเรือนมาใช้กฎหมายทหารถ้าเกิดดำเนินคดีไม่ได้มันก็ซ้อนกลับมาเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของคนไทยว่าความสัมพันธ์ระหว่างทหารทหารทำผิดแล้วไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายลพเรือนหรือความเคลื่อนไหวของสิทธิมนุษยชน
ในส่วนของเรื่องการกระจายอำนาจ คุณสุนัยได้เสนอว่า เรื่องดังกล่าวนี้เป็นประเด็นที่ยอมรับทั่วไปในสังคมไทยและในทุกพื้นที่ ทุกพื้นที่ในประเทศไทยสามารถมีดำริในการที่จะปกครองตัวเองได้ยกเว้นสามจังหวัดชายแดนใต้ที่พอพูดขึ้นมาจะมีปฏิกิริยาทันทีว่าว่าไม่ดีบ้าง อาจจะเกิดการแทรกแซงจากภายนอกเช่น UN เมื่อทำตามดำริเดี่ยวต้องเสียดินแดนให้แน่ๆเหมือนไม่มีความมั่นใจเลยว่า ว่ารัฐไทยจะเป็นที่รักของพี่น้องสามจังหวัดชายแดนใต้ ข้อสังเกตประการที่สอง ข้อเสนอต่างๆหรือรูปแบบการปกครองต่างๆไม่ว่าจะเป็น ปัตตานีมหานคร หรือการเลือกผู้ว่าโดยตรงก็ดี มันมักจะตีตกจากคนในกรุงเทพปัญหาก็คือว่าไอเดียนี้ไม่ว่าจะมาจากข้อเสนอทางการเมืองเองก็ดีมักจะตีตกอยู่ที่กรุงเทพโดยไม่ฟังเสียงใดๆทั้งสิ้นไม่เคยถามเลยว่าจะเอาด้วยหรือไม่เอาด้วยแล้วประเด็น การที่เรายอมรับอัตลักษณ์มันเป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า ฉะนั้นเรื่องของการกระจายอำนาจเป็นประเด็นสำคัญเราต้องยอมรับบริบทการแลกเปลี่ยนที่กว้างกว่านี้ตอนนี้กลายเป็นว่าพอทางฝ่ายการเมืองขายประเด็นได้ก็ขายจะเห็นว่าไม่ว่าจังหวัดไหนก็พูดได้เรื่องของการปกครองตัวเองยกเว้นสามจังหวัดชายแดนใต้
ทางด้านคุณดอน: การเจรจาในรอบสองปีมันไม่ใช่เรื่องใหม่ผมก็ไม่อยากใช้คำว่าเจรจามันจะเป็นการเจาะแจะมากไป การเจรจาได้เริ่มชัดเจนขึ้นในช่วงทศวรรษ 80 มีการพูดคุยกันที่ตะวันออกกลางเป็นงานของทหารไม่เชิงเป็นงานหรอกแต่ไปเก็บข่าวมากกว่า กลับมาไม่มีผลกระทบใดๆ รัฐไทยไปอยู่กับคนมลายูอย่างไรในสามจังหวัด พอมาช่วงทศวรรษ 90 ก็เงียบไป
เหตุการณ์สำคัญในการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับยูแว ในช่วงหลังจากการรัฐประหาร คุณสรยุทธ์ นายกรัฐมนตรีก็ได้ออกมาขอโทษต่อผู้สูญเสียจากการจัดการที่รุนแรงของทางรัฐบาล และได้เปิดประตูให้ เอ็นจีโอต่างประเทศ รัฐบาลต่างประเทศเข้ามาช่วย ให้มาเลเซีย อินโดนีเซียด้วย เข้ามาช่วย ยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องก่อการร้ายแต่มันเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งกว่านั้นคุณสรยุทธ์เองก็จะไปพบ กัสตูรี มะโกตา ที่บาห์เรนปี2007 แต่หลังจากที่พลเอกสรยุทธ์ลงจากอำนาจ การเมืองส่วนกลางกลับเจอปัญหา เสื้อแดงกับ เสื้อเหลือง คุณสมัคร คุณสมชายไม่ค่อยที่จะสัมพันธ์กันเท่าไร ต่อมาในสมัยของอภิสิทธิ์ มีการกล่าวถึงขบวนการแค่องค์องเดียว ไม่ได้มีการกล่าวถึง บีอาร์เอ็น และในสมัยของยิ่งลักษณ์ขึ้นมา ปัญหาก็คือมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น มันไม่มีเอกภาพกับทุกฝ่าย และทวี เลขาธิการ ศอ.บต. ก็พยายามที่จะเจรจาแต่ผมว่ามันยากเพราะฝ่ายไทยจะต้องแสดงออกมาที่ว่าเขามีความจริงใจกับเรื่อนี้หรือเปล่าตอนนี้กลายประเด็นเป็นเรื่องเอามาขายทางด้านการเมืองมากกว่ามาสร้างภาพอะไรอย่างนี้ ถ้าดูอังกฤษแล้ว เขาคุยกับพวกกบฏกี่สิบปีมารู้ตอนที่จะเซ็นสัญญาสันติตั้งสามรัฐบาลกันมา ฝ่ายกบฎอังกฤษที่มีการระเบิดร้านอาหารลอนดอน กว่าจะออกมาแถลงข่าวก็ประกบรัฐบาล ไทยจะรับได้ไหม รัฐบาลจะรับได้ไหม แล้วกล้าบอกกับประชาชนไหม ถ้าคุยกับพวกจูแวเขาก็ไม่ไว้ใจ เขามองว่ารัฐไทยโผล่แล้วยิงอย่างเดียว ทางออกก็คือก็ต้องคุยกับรุ่นเก่าแต่เขาก็รู้ว่ารุ่นเก่ากัดกันไม่มีเอกภาพ ปัญหานี้เป็นปัญหาระดับประเทศ อีกอย่างต่างคนก็พยายามที่จะสร้างคะแนนให้กับตัวเอง แต่กลับไม่สร้างคะแนนให้กับประเทศเลย