สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี :ความเป็นไทย กลางความขัดแย้งชายแดนใต้และการเมืองไทย

 

                                    

 

ในบริบทราชอาณาจักรสยามโบราณต้องเผชิญหน้ากับการล่าอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษและจักรวรรดิฝรั่งเศส นำมาสู่การสร้างรัฐชาติสยามสมัยใหม่โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สำเร็จเมื่อ 2435 ด้วยการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ พุทธศาสนา และชาติพันธุ์ไทย อันหมายถึง ‘ความเป็นไทย’ และกลายเป็นฐานทางอุดมการณ์ครอบงำวิธีคิดของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน

‘ความเป็นไทย’ ถือเป็นโครงสร้างความรุนแรงหนึ่งในสังคมไทย การปะทะกันระหว่าง ‘ความเป็นไทย’ กับ ‘ความเป็นอื่น’ สร้างความขัดแย้งในปาตานีที่มีปัญหากับรัฐไทยมาตั้งแต่อดีต และทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ปี 2547  หรือความขัดแย้งทางการเมืองไทยตั้งแต่อดีต และทวีขึ้นอีกครั้งในปี 2549 ต่างก็เป็นอาการหนึ่งจากความเป็นไทยอันคับแคบ

‘สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี’ บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น นักข่าวอาวุโสผู้เคยผ่านประสบการณ์การทำข่าวความขัดแย้งในลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นคนหนึ่งที่ตั้งคำถามกับความเป็นไทยในบริบทความขัดแย้งทางการเมืองไทย และชายแดนใต้

‘สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี’ จึงเป็นบุคคลหนึ่งที่สื่อทางเลือกชายแดนใต้สนใจและเสนอให้ PATANI FORUM เชิญมาเป็นวิทยากรในการอบรมเชิงปฏิบัติการณ์ (Work Shop) วิเคราะห์และพัฒนาประเด็นข่าวเพื่อสร้างผลกระทบต่อสาธารณะ ใน‘โครงการพัฒนาศักยภาพองค์กรสื่อภาคพลเมืองเพื่อการสื่อสารสันติภาพปาตานี/ชายแดนใต้’ ภายใต้โครงการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นเพื่อฟื้นฟูชายแดนใต้ (ช.ช.ต.) ของสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (Local Development Institute-LDI) ซึ่งสนับสนุนโดยธนาคารโลก (World Bank) และกระทรวงการคลังของไทย

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2558 ‘สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี’ บรรยายและร่วมแลกเปลี่ยนกับสื่อทางเลือกชายแดนใต้ประมาณ 20 คน ในหัวข้อ ‘สื่อปาตานี กับการเผชิญหน้ากับความมั่นคงและสังคมความเป็นไทย’  ณ ห้องประชุมโรงแรมบูม ฟอร์เรส ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

 “เมื่อเช้าสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำนครย่างกุ้ง เตือนคนไทยในพม่าให้หลีกเลี่ยงการแสดงตัวว่าเป็นไทย เป็นคนไทยหลังจากคนพม่าถูกประหารชีวิตจากคดีเกาะเต่า ก่อนหน้านั้นสถานกงสุลไทย ณ นครอิสตันบูลเคยเตือนคนไทยในตุรกีให้หลีกเลี่ยงการแสดงตัวว่าเป็นไทย เป็นคนไทยหลังจากส่งชาวอุยกูร์ให้จีน”  สุภลักษณ์ เริ่มชวนคุยและชี้ว่าบางขณะความเป็นไทยก็อันตราย

ในอดีตที่ผ่านมารัฐสยาม รัฐไทยที่กรุงเทพฯ พยายามบอกว่าทุกคนจงภูมิใจในความเป็นไทยและแสดงความเป็นไทย ความเป็นไทยมันไม่เหมือนใครเลยในโลกนี้ มีลักษณะพิเศษมาก บางคนไม่เข้าใจว่าความเป็นไทยคืออะไร หรือบางคนรู้ว่าความเป็นไทยคืออะไร แต่ไม่ได้ภูมิใจหรือให้ความสำคัญในความเป็นไทย อธิบายว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้คือความเป็นไทย แต่ความจริงแล้วไม่ไทยเลย

เช่น ถ้าเป็นมุสลิมคนจำนวนอาจคิดว่าไม่ใช่ไทยแล้ว ถ้าแต่งตัวแบบมุสลิม คนกรุงเทพเห็นจะบอกทันทีว่าไม่ใช่คนไทย แต่เป็นคนชาติพันธุ์ไหนเขาอาจจะบอกไม่ได้ หรือคนอีสานที่เข้ากรุงเทพฯ พูดแล้วออกอีสาน คนกรุงเทพฯ ก็บอกว่าภาษาแรกที่ใช้ไม่ใช่ภาษาไทย หรือการทักทายกันที่ไม่ไหว้ เจอหน้ากันแล้วไม่ไหว้ ไปใช้วิธีการทักทายแบบอื่น เขาก็บอกว่าไม่แสดงออกถึงความเป็นไทย

แล้วถ้าถามกลับว่าแล้วไหว้นี่เป็นไทยเหรอ บางคนบอกว่ามันคือความเป็นไทย แต่คนที่มีความรู้ก็บอกว่าไม่ใช่ไทย เพราะลักษณะการไหว้ของไทยนั้นรับอิทธิพลมาจากอินเดีย จารีตประเพณีของไทยรับอิทธิพลมาจากที่อื่นทั้งสิ้น วัฒนธรรมไทยเป็นวัฒนธรรมที่นำเข้ามาจากอินเดีย ผ่านศาสนาพุทธ และศาสนาพุทธที่ไทยได้รับอิทธิพลก็ไม่ได้เผยแพร่มาโดยตรงจากอินเดีย แต่ไทยรับมาจากเขมร

ปัจจุบันศาสนาพุทธในอินเดียตายไปแล้ว ทุกวันนี้ในอินเดียแทบหาไม่ได้ ผมเคยไปอินเดียที่แคว้นมัธยมประเทศที่ศาสนาพุทธเคยรุ่งเรือง มีสถูปใหญ่ที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้ ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยไป แถวนั้นไม่มีชาวพุทธเลยแม้แต่คนเดียว ในรัฐนั้นทั้งรัฐมีชาวพุทธอยู่แค่ 53 คน และเป็นพุทธใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่มีอิทธิพลของศาสนาฮินดู-พราหมณ์ปะปนอยู่เหมือนพุทธแบบลังกา พุทธแบบพม่า พุทธแบบเขมร พุทธแบบลาว และไม่ใช่พุทธแบบไทย

เพราะฉะนั้นดั้งเดิมของความเป็นไทย น่าจะไม่มีใครหาเจอสักเท่าไหร่ อะไรคือสิ่งที่เราเรียกว่าความเป็นไทยกันแน่ ปัจจุบันมีคนพยายามพูดว่าถ้าเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่ไทยแน่นอน หรือถ้าเป็นประชาธิปไตยมันก็มีประชาธิปไตยแบบไทยๆ ด้วย นี่เป็นปัญหามาก แม้ประชาธิปไตยในอังกฤษ และประชาธิปไตยที่สหรัฐอเมริการูปแบบไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยที่สุดเนื้อหาของความเป็นประชาธิปไตยก็ต้องเหมือนในฝรั่งเศส เยอรมนี ในยุโรปก็พูดได้เป็นประชาธิปไตย

มันไม่เหมือนกันเป๊ะหรอกไม่มีทาง รูปแบบของการใช้อำนาจไม่เหมือนกัน บางประเทศมีกษัตริย์ บางประเทศมีประธานาธิบดี บางประเทศมีทั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี บางประเทศประธานาธิบดีมีอำนาจ บางประเทศประธานาธิบดีไม่มีอำนาจเลย บางประเทศนายกรัฐมนตรีเป็นเหมือนเสมียน แต่โดยเนื้อหาสามารถบอกได้ว่ามาจากการใช้อำนาจของประชาชน ซึ่งเรียกว่าประชาธิปไตย และก็ไม่มีใครในยุโรปเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยแบบฝรั่งเศส ประชาธิปไตยแบบเยอรมัน เหมือนการพยายามเรียกว่าประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่พยายามนิยามตัวเองไม่ให้เหมือนที่อื่นถึงจะเรียกว่าไทย

มีวาทกรรมที่ถามว่าเป็นคนไทยรึเปล่า แล้วคนไทยที่ว่านิยามแบบไหน แต่ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยก็เสียภาษีให้รัฐทุกคน การนิยามความเป็นไทยแบบสมัยโบราณมันมีสภาพเพียงแค่วาทกรรมทางการเมืองมันไม่ใช่สิ่งที่มีความหมาย เช่น ถ้าไม่นับถือพระเจ้าแผ่นดินแสดงว่าไม่ใช่คนไทยแล้ว ถ้าพูดภาษาไทยไม่ชัดก็ไม่ใช่ไทย ถ้าแต่งกายตามวัฒนธรรมอื่นๆก็ไม่ใช่ไทย ในเวทีประกวดนางงามมีการออกแบบชุดประกวดเพื่อบ่งบอกถึงความเป็นไทยโดยเอารถตุ๊กๆมาทำให้เป็นไทย เป็นเอกลักษณ์ไทย ทว่ารถยนต์ 3 ล้อไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทย ในอเมริกาใต้ก็เยอะ อินเดียก็มี รูปร่างแตกต่างกัน

“ เมื่อก่อนมีการพูดถึงรำไทย แต่การรำลักษณะนี้ของเขมรก็มี ภาษาไทยที่พูดอยู่ในปัจจุบันถ้าสืบรากเหง้าจริงๆพบว่ามีภาษาเขมรปนอยู่ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงไทยแต่งตัวอย่างมิดชิดย้อนศึกษาประวัติศาสตร์ก่อนชาติตะวันตกเข้ามาจะพบว่าผู้หญิงไทยแทบไม่ใส่เสื้อเลย ชุดที่เห็นตามงานลอยกระทงใส่สะใบเฉียงนั่นคือไทยที่เกิดขึ้นหลังรัชกาลที่ 4 หรืออาจเกิดขึ้นในสมัยจอมพลป.พิบูลย์สงครามเป็นนายกรัฐมนตรีที่พยายามสร้างความเป็นไทยสมัยใหม่”

 ถ้าใครศึกษาประวัติศาสตร์ระยะใกล้จะพบว่าความเป็นไทยปะทะอย่างรุนแรงกับความเป็นอื่นในสมัยจอมพลป.พิบูลย์สงคราม ให้เอาพระไว้ในโรงเรียน ห้ามคลุมฮิญาบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้แต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน หากใครไม่พูดไทยในห้องเรียนก็โดนปรับ แม้แต่คำว่าอีสานก็เป็นคำที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพราะความจริงมันไม่มีเผ่าพันธุ์อีสาน ไม่มีชาติพันธุ์อีสาน ไม่มีภาษาอีสาน มีแต่ภาษาลาว อีสานจริงๆ ก็คือลาวทั้งสิ้น แต่เพื่อสร้างให้ความเป็นไทยเหนียวแน่นมากขึ้น  สมัยจอมพลป.ก็เลยสร้างคำว่าอีสานขึ้นมา อีสานในภาษาบาลีคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่มลายูเป็นชาติพันธุ์ มีการพูดภาษามลายู

การหาความเป็นไทยจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ถ้านายกรัฐมนตรีประกาศให้ข้าราชการแต่งชุดไทยมาทำงานด้วยผ้าไทยก็คงลำบากในการค้นหาคำตอบว่าตกลงมีภาษาอะไรที่ไม่ใช่ไทย ผ้าทุกชนิดที่ตัดเย็บในประเทศไทยควรเป็นผ้าไทย ผ้าขาวม้าก็น่าจะเป็นผ้าไทย แต่ทุกคนคงไม่ยอมรับว่าผ้าอย่างอื่นไม่ใช่ไทยถ้าไม่ใช่ผ้าไหม แม้จะผลิตในประเทศไทย

เพลงไทยเดิมก็ไม่ใช่ไทย เช่น เพลงลาวดวงเดือน เขมรไทรโยค แค่ขึ้นต้นคำก็ไม่ใช่แล้ว ความเป็นไทยลักษณะแบบนี้ค่อนข้างเป็นปัญหา และยิ่งปัญหาขึ้นเมื่อรัฐไทยนำความเป็นไทยที่มีปัญหาไปยัดใส่คนอื่นที่ไกลจากกรุงเทพฯ ขึ้นไปเชียงใหม่มีคนอู้คำเมือง เชียงใหม่มีตัวอักษรและภาษาเป็นของตัวเองด้วย จริงๆ คนเหนือเป็นคนที่รักษาอัตลักษณ์ตัวเองไว้ได้ค่อนข้างหนียวแน่น การแต่งกาย การพูดจา ศิลปวัฒนธรรมก็สามารถดูออกได้ว่าเป็นคนเหนือ ที่ปัตตานีก็สามารถบอกได้ว่าเป็นมลายู

เมื่อพยายามเอาความเป็นไทยมาตรฐานซึ่งไม่ลงตัวไปยัดใส่ให้คนชาติพันธุ์ วัฒนธรรมอื่นมันเกิดปัญหาอันเนื่องมาจากคนอื่นไม่ยอมรับ เพราะไม่รู้ถึงที่มาที่ไป ไม่เข้าใจว่าถูกทำให้คนชาติพันธุ์อื่นเป็นไทยอย่างที่อยากให้เป็น แต่ความเป็นไทยก็ไม่ถูกคนอื่นยอมรับว่าเป็นไทยจริง แต่พยายามบอกว่านี่คือความเป็นไทย แบบอื่นไม่ใช่ไทย มันเกิดการต่อต้าน ถูกต่อต้านเพราะความเป็นไทยจะมาลบอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมของชาติพันธุ์เดิมซึ่งอยู่ในวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น

คนกรุงเทพฯ เป็นคนส่วนน้อยของประเทศไทยแต่มีอำนาจมากทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ รัฐชาติสยามสมัยใหม่ในรัชกาลที่ 5  คือมีดินแดนชัดเจน มีประชากรที่แน่นอนชัดเจน มีอำนาจรัฐที่แน่นอนชัดเจนสามารถบังคับใครได้บ้าง  แค่นี้อาจไม่เพียงพอสำหรับชนชั้นสูงในกรุงเทพฯ ลำพังการใช้กฏหมายและอำนาจรัฐ ไม่พอที่จะทำให้คนอยู่ภายใต้ความคิดเดียวกันหล่อหลอมให้คนเป็นหนึ่งเดียวกันได้

จึงพยายามเขียนประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์เขียนเฉพาะการรบกันของชนชั้นสูงไทยกับชนชั้นสูงพม่า ถึง 90 เปอร์เซ็น แต่ถ้าตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับประชาชน อยุธยารบกับอังวะ นครราชสีมาก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง ทำไมจะต้องเจ็บปวดกับการที่อยุธยาถูกเผา  แต่รัฐพยายามจะบอกว่าต้องเดือดร้อนต้องเจ็บปวดด้วยเพราะเป็นคนไทย  เรารับรู้เรื่องเหล่านี้แล้วได้ใช้ประโยชน์อะไร แต่รัฐพยายามยัดเยียดในนามของการศึกษา

การศึกษาไม่ได้ดีเสมอไป ถ้ารัฐพยายามยัดเยียด คนมีความรู้เรื่องอะไรต่างหากถึงดี บางเรื่องรู้แล้วนำไปใช้ในการทำมาหากินได้ไม่เห็นจะต้องรู้เลย รัฐพยายามยัดเยียดค่านิยม 12 ประการ เพราะมันไม่เข้ากับการนำไปใช้ในชีวิต

ในแง่ของรัฐ ความจำเป็นของรัฐที่จะสร้างให้คนคิดแบบเดียวกัน แต่การทำแบบนี้ไม่ใช่ความจำเป็นของการมีรัฐ ในสหรัฐอเมริกา ไม่สามารถหาอาหารอเมริกันกินได้เลยที่เรียกว่าอเมริกัน แฮมเบอเกอร์ โค้ก แปปซี่ สเต้กก็ไม่ใช่ คนอเมริกันดั้งเดิมเป็นคนมาจากที่อื่นจึงมีแค่อัตลักษณ์ดั้งเดิม คนอเมริกันเป็นต่างประเทศในประเทศของตัวเอง อเมริกันไม่ได้ปฏิเสธภาษาอื่น ไม่เหมือนประเทศไทยที่คนต้องพูดภาษาไทยทุกที่ มีการพยายามสร้างภาษาไทยมาตรฐาน ขณะที่ภาษาลาวมาตรฐานไม่มี

นักวิชาการอธิบายว่าเป็นความอ่อนแอทางวัฒนธรรมของไทย (Soft Culture) ที่หาวัฒนธรรมไทยที่เป็นแก่นสารค่อนข้างลำบาก ไทยไม่สามารถรับวัฒนธรรมทุกวัฒนธรรมธรรมได้ จึงมีการพยายามแสวงหาและสร้างความเป็นไทย มีการตั้งคำถามว่าจำเป็นแค่ไหนที่จำเป็นต้องมีความเป็นไทยอยู่เสมอ แม้แต่สิงคโปร์ที่พยายามความเป็นสิงคโปร์แต่ไม่สามารถหาได้จึงไม่พยายามหาไม่พยายามสร้าง เพราะรากเหง้าของสิงคโปร์คือจีน แต่ก็มีมลายู มีอินเดีย

โลกปัจจุบันไม่มีความจำเป็นในการมีอัตลักษณ์แบบแข็งตัว โลกสมัยใหม่หาคุณค่าใหม่ๆร่วมกันด้วยการสร้างอะไรใหม่ๆ แต่สำหรับคนไทยเมื่อสร้างอะไรใหม่ๆ ทว่ากลับนิยามว่าเป็นของโบราณดั้งเดิม การนำลักษณะของรถตุ๊กๆมาออกแบบชุดมันไม่ใช่ความเป็นไทย คนเขารู้สึกว่ามีปัญหาว่าไปลอกแล้วนิยามว่าเป็นของตัวเอง

เพราะความเป็น Soft Culture ของไทย พักหลังการสร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทยค่อนข้างไม่มั่นคงในชนชั้นสูงรู้สึกสูญเสียอัตลักษณ์ของตัวเองอันเนื่องมาจากการเปิดวัฒนธรรมของไทยมีการฉลองทุกๆเทศกาลที่คนในโลกเฉลิมฉลอง ต่อไปอาจมีการรณรงค์ให้วันรายอเป็นวันหยุดราชการเพื่อให้มุสลิมอีสาน มุสลิมกรุงเทพ มุสลิมเหนือหยุดงานได้กลับบ้านเฉลิมฉลอง คนไทยก็มีเทศกาลเฉลิมฉลองอีกเทศกาลหนึ่ง ทำไมต้องหยุดราชการเฉพาะวันสำคัญทางศาสนาพุทธ ถ้าหากว่าวัฒนธรรมไทยอ่อนจริงๆ เราควรยอมรับได้ทุกสายวัฒนธรรม อย่างพม่าเมื่อก่อนมีวันหยุดราชการให้วันสำคัญของทุกๆศาสนาที่พม่ายอมรับ

“แล้วจะรักษาความเป็นไทยไว้ทำไม ทำไมเขาจึงพยายามบังคับเราให้เป็นไทย” สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี ตั้งคำถามทิ้งท้าย