แถลงการณ์ เรื่อง กรณีกลุ่มมุสลิมไม่ทราบสัญชาติ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัว จ.สงขลา

แถลงการณ์

เรื่อง กรณีกลุ่มมุสลิมไม่ทราบสัญชาติ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัว จ.สงขลา

จากเหตุการณ์กลุ่มมุสลิมไม่ทราบสัญชาติได้เดินทางเข้ามาสู่ จ.สงขลา ประเทศไทย ในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา  ทางเราได้ตระหนักถึงลักษณะภูมิภาคที่ประกอบด้วยกลุ่มชนผู้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและอารยธรรม เราควรที่จะทำให้ความแตกต่างหลากหลายนี้ให้เป็นขุมพลังร่วมกันในอันที่จะสร้างความมั่งคั่งแห่งอนาคตของพวกเรา และปัญหาของเพื่อนมนุษย์ที่อพยพผ่านเส้นทางประเทศไทยครั้งนี้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องค้นหาวิธีการอันเหมาะสมเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยที่ต้องเผชิญปัญหาข้างต้นต่อไปในอนาคต

โดยทาง ปาตานี ฟอรั่ม มีข้อเสนอดังนี้

ขอให้รัฐบาลดำเนินการกับกลุ่มมุสลิมที่ไม่ปรากฏสัญชาติ โดยหลักมนุษยธรรม เพื่อพิสูจน์ให้เห็นการตระหนักถึงความปลอดภัยและชีวิตของกลุ่มมุสลิมข้างต้น โดยไม่เร่งรีบส่งตัวกลับประเทศ หากสืบพบว่า กลุ่มมุสลิมข้างต้นมาจากประเทศใดประเทศหนึ่ง เพื่อสะท้อนให้ถึงการยึดแนวปฏิบัติ อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment)” ในส่วนของประเทศไทยมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อนุมัติการเข้าเป็นภาคีต่ออนุสัญญาฉบับนี้   และเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประเทศไทยได้ยื่นภาคยานุวัติสารของอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน ต่อองค์การสหประชาชาติซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมา

ขอให้สังคมไทยได้พิจาณาและตระหนักถึงความซับซ้อนของปัญหาข้างต้น ใช่แต่เพียงมองว่าเป็นมุสลิมเป็นพวกหัวรุนแรง หรือสร้างปัญหาให้แก่สังคมไทย โดยทีทรรศน์ “เหมารวม” แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เราต้องหาทางส่งเสียงสนับสนุนหลักการเรื่องมนุษยธรรม ที่เป็นสมบัติร่วมกันของคนทั้งสังคมโลก และสิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือสังคมไทยจะต้องเฝ้าระวังถึงการจัดการปัญหาครั้งนี้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสมในบริบทที่สังคมไทยจะเข้าสู่ความเป็นสากลในภูมิภาคอุษาคเนย์

หลายๆรัฐบาลได้ประจักษ์มามากพอแล้วต่อเหตุการณ์คล้ายๆกันที่เกิดขึ้นเช่นนี้ในประเทศไทย แต่เราก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม ครั้งนี้ควรระมัดระวังและปรึกษาหารือกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานของรัฐ องค์เอกชน องค์กรทางด้านศาสนา องค์กรสิทธิมนุษยชน และองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ก่อนดำเนินการใดๆในทุกขั้นตอนกับกลุ่มคนมุสลิมผู้อพยพข้างต้น

PATANI FORUM

ณ.รูสะมิแล ปัตตานี

๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗