กุรบ่านเพื่อสันติภาพ
๑.
นับตั้งแต่ต้นปี ๒๕๔๗ เป็นต้นมาความรุนแรงระลอกใหม่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง พร้อมๆกับความสูญเสียอันมากมาย จากวันนั้นถึงวันนี้ชีวิตก็ได้สูญเสียไปกว่า ๕,๐๐๐ คนแล้ว ความรุนแรงมิได้เกิดขึ้นแก่ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไปแล้วเท่านั้น ยังรวมไปถึงญาติพี่น้องที่ต้องตกอยู่ในภาวะเจ็บปวดไม่แพ้กัน
และถ้านับจากวันนั้นถึงวันนี้วิธีการในการก่อเหตุก็ได้มีการพัฒนาเรื่อยมา จากการต่อสู้ที่ใช้อาวุธปืน การเผา การโปรยตะปูเรือใบ การระเบิดชนิดต่างที่พัฒนามาสู่การใช้ระเบิดเจาะเกราะที่ใช้ทองแดงเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการทะลุทะลวงรถหุ้มเกราะที่เป็นเป้าหมาย
๒.
หากเรากำลังจะตั้งข้อสงสัยถึงวัตถุประสงค์ของความไม่สงบหรือเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นมุ่งไปสู่อะไร วลีสำคัญที่ใช้ในการอธิบายเหตุผลหรือข้อเสนอทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุทั้งหมดนั้นก็คือ Merdeka หรือการประกาศเอกราชของเหล่านักต่อสู้เพื่อที่จะปลดปล่อยปาตานี หรือในภาษาที่คุ้นเคยในท้องถิ่นว่า ญูแว (Juwae) นักรบปาตานี
แต่ในขณะเดียวกันเราจะบอกได้ไหมว่าความรุนแรงทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นฝีมือของเหล่าญูแวทั้งหมดนั้นได้หรือไม่ คำตอบที่เราอาจจะได้รับในวงน้ำชานั้นอาจจะแตกออกเป็นหลายแบบ บ้างว่าบางเหตุการณ์เกิดจากการล้างแค้น บ้างว่าเกิดจากความขัดแย้งในการเมืองท้องถิ่น บ้างว่าเป็นของขบวนการค้ายาเสพติด บ้างก็ว่าเจ้าหน้าที่เป็นคนทำ แต่กระนั้นหลายคนในวงน้ำชาก็รู้สึกขนลุกซู่ทันทีหากมีคนเสนอว่าหลายเหตุการณ์กระทำโดยกลุ่มญูแว
ไม่ว่าใครจะเป็นคนก่อเหตุก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ก็ได้สร้างความโกรธกริ้ว ขุ่นข้องหมองใจ จนพัฒนาออกมาเป็นความหงุดหงิด ของผู้บัญชาการทหารบกวันละหลายรอบ
๓.
ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์ทั้งหมดก็ทำให้เกิดความพยายามที่จะกำเนิดกระบวนการสันติภาพให้เกิดขึ้นสักทีในสามจังหวัด ความพยายามหลายอย่างเกิดขึ้นในหลายแบบหลายวาระ มีการพูดคุยกันระหว่างตัวแทนของรัฐกับกลุ่มอดีตนักรบที่ชื่อนั้นแทบจะเลือนหาย การเดินทางอันยาวนานของใครบางคน การกำเนิดของกระบวนการเจนีวา (Geneva Process) หรือกระทั่งความพยายามที่จะสร้างกฎแห่งการปะทะ เพื่อที่จะทำให้กระสุนที่กำลังจะถูกส่งออกมาจากปลายกระบอกปืนนั้นมุ่งไปสู่เป้าหมายที่สมศักดิ์ศรี และละเลยคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ และในท้ายที่สุดการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม ที่พยายามจะขับเคลื่อนข้อเสนอที่จะนำไปสู่สันติภาพ หรือ การเปิดพื้นที่กลางที่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยในการถมให้เต็ม
ทั้งหลายทั้งปวงเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และได้สร้างให้เกิดสิ่งใหม่ๆในพื้นที่ กระนั้นปรากฎการณ์ปักธงล่าสุดที่เกิดขึ้น ก็ได้นำมาซึ่งความฉงน สงสัย ใคร่รู้ให้บังเกิดขึ้นในวงน้ำชา วงวิชาการ หรือแม้กระทั่งวงแคร่ใต้ต้นไม้อีกครั้งว่า ไอ้ธงที่ปักกันเป็นร้อยๆผืนนั้น มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนทำ และทำไปทำไม
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับโดยพลันคือ เช้าของวันที่ ๓๑ สิงหาคม นั้น สามจังหวัดเหมือนกับอยู่ในภาวะชะงักงัน หลายโรงเรียนถูกสั่งให้ปิด หน่วยงานราชการหลายหน่วยงานบอกให้เจ้าหน้าที่ของพวกเค้าไม่ต้องมาทำงาน ผู้รับเหมาต่างๆถูกบอกให้หยุดทำงานหนึ่งวัน ผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองประเทศต้องวิ่งวุ่นออกมาแถลงข่าวกันยกใหญ่ และอาจจะนำไปสู่วันที่นายกรัฐมนตรีต้องแถลงข่าวอย่างตะกุกตะกักอีกครั้งหนึ่ง วงน้ำชากลับมาครึกครื้นอีกคำรบหนึ่ง
๔.
ด้านหนึ่งของการปักธงดูราวกับว่าวันนั้นเป็นวันกวนตีนแห่งชาติ แต่อีกด้านหนึ่งต้องยอมรับโดยดุษฎีว่า การปักธงมีผลกระทบมหาศาลในทางการเมือง สื่อทุกสำนักจับตาและรายงานข่าวการปักธงอย่างคึกคัก การปักธงบ่งบอกให้เรารู้และตระหนักอย่างยิ่งว่า การต่อสู้เชิงสัญลักษณ์นำมาซึ่งผลกระทบได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และที่สำคัญที่สุดคือเป็นการก่อเหตุหายใจรดต้นคอเจ้าหน้าที่โดยที่ไม่มีใครต้องมาจบชีวิต
เราไม่อาจจะมั่นใจได้เลยว่าช่วงเวลาต่อไปจากนี้ การต่อสู้เชิงสัญลักษณ์จะเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ใหม่ที่นำมาขับเคลื่อนตรึงในพื้นที่หรือไม่ แต่ประการที่สำคัญคือการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์นี้ไม่ได้ทำให้มีใครตาย และให้ผลสะเทือนได้ อย่างมาก กลุ่มนักรบปาตานีอาจจะถึงเวลาแล้วที่จะต้องพินิจพิจารณาถึงแนวทางในการต่อสู้แบบใหม่ ที่ยังคงรักษาระดับข้อเรียกร้องทางการเมืองของตัวเอง แต่การประหัตประหารเกิดขึ้นน้อยลง เราปฏิเสธไม่ได้ว่าในระหว่างการรอนแรมของข้อเรียกร้องทางการเมืองของกลุ่มนักรบปาตานีนั้น มีข้อครหามากมายเกี่ยวกับการต่อสู้ที่เป็นไปอย่างไม่บริสุทธิ์ เกี่ยวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด หรือน้ำมันเถื่อน หรือการกระทำอาชญากรรมต่างๆ กลุ่มนักรบปาตานีคงไม่ได้เพียงต่อสู้เพื่อตรึงอำนาจของตัวเองหรือรบกับอำนาจทางทหารของกองทัพไม่ แต่พวกเขายังคงต้องต่อสู้เพื่อลบข้อกล่าวที่มีต่อกลุ่มของพวกเขาเฉกเช่นเดียวกัน
๕.
อาจจะถึงเวลาที่เหล่าขบวนการต้องกลับมาทบทวนแล้ว การต่อสู้เชิงสัญลักษณ์หรืออาจจะเรียกอย่างเท่ห์ๆว่าสันติวิธี ควรจะเริ่มต้นขึ้น หากจะคำนึงถึงวิธีการที่เป็นรูปธรรมที่สุด และมีวาระที่เหมาะสมที่สุดคือ คือการทำกุรบ่าน กุรบ่านเพื่อสันติภาพ และหยุดการฆ่าในช่วงเวลาที่เหมาะสมในวันอีดิลอัฎฮาที่กำลังจะมาบรรจบอีกครั้งหนึ่งในไม่กี่วันนี้
การประกาศหยุดทำงานสักสองสามวัน เพื่อทำให้บรรยากาศในพื้นที่สงบนั้นด้านหนึ่งอาจจะมีคนค่อนแคะว่าหรือใช้เป็นวาทกรรมโจมตีว่าพวกนี้นั้นไม่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่จะได้กลับมานั้นอาจจะยิ่งใหญ่มากกว่านี้ก็เป็นได้ คือการได้ใจจากประชาชน และที่สำคัญที่สุดหากเหล่านักรบปาตานีสามารถสร้างปรากฎการณ์หยุดทำงานสามวันได้ทั้งหมดในพื้นที่สามจังหวัด มันจะเป็นการประกาศศักดาและลบข้อครหาที่ว่ากลุ่มนักรบปาตานีมีความขัดแย้งกันภายในค่อนข้างสูงได้อย่างดีที่สุด
จงทำกุรบ่านเพื่อสันติภาพกันเถอะ