วิกฤตการเมืองอียิปต์ : เราจะอยู่กับประชาชนอียิปต์ผู้ถูกอธรรม

อุสตาซอับดุชชะกูร  บินชาฟิอีย์  (อับดุลสุโก  ดินอะ)

Shukur2004@chaiyo.com

สมาชิกสมาพันธ์นักเรียนเก่าอียิปต์ในประเทศไทย

 

วันที่ 30 มิ.ย. 2013 ซึ่งการประท้วงของฝ่ายต่อต้านมุฮัมมัด มุรซีย์ดำเนินไปอย่างสงบจนกระทั่งมีกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลถูกสังหาร

1 ก.ค. 2013 กลุ่มผู้ชุมนุมต้านรัฐบาลส่วนหนึ่งได้เข้าไปทำลายอาคารที่ทำการของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในกรุงไคโร และในวันเดียวกัน กองทัพอียิปต์ได้ประกาศเส้นตาย 48 ชั่วโมง ว่าจะมีการแทรกแซงหากรัฐบาลยังหาทางจัดการความขัดแย้งไม่ได้ รัฐมนตรี 4 คนประกาศลาออก

2 ก.ค. 2013 รัฐมนตรีต่างประเทศประกาศลาออก ประธานาธิบดีมุรซีย์ปฏิเสธไม่ยอมรับการขีดเส้นตายของกองทัพ บอกว่าจะใช้วิธีการแก้ปัญหาของตนเอง

3 ก.ค. 2013 ถึงกำหนดเส้นตาย มุรซีย์ถูกสั่งกักตัวไว้โดยเชื่อว่าอยู่ที่ค่ายทหารของกองกำลังพิทักษ์สาธารณรัฐ รถถังเคลื่อนไปตามที่ต่างๆ และมีวางกำลังตามจุดสำคัญ จนกระทั่งผู้นำกองทัพประกาศแถลงการณ์ยกเลิกอำนาจของมุรซีย์ และแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญ อาดลี มันซูร์ ขึ้นเป็นรักษาการประธานาธิบดี

หลังจากนั้นผู้ต่อต้านรัฐประหาร นำโดยขบวนการภราดรภาพมุสลิมและภาคีร่วมประท้วงอย่างสันติก่อนเดือนรอมฎอนตลอดสี่สิบวันส่วนใหญ่อย่างสงบทุกเมืองโดยเฉพาะที่มัสยิดรอบอ๊ะอาดาวียะห์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสลายการชุมนุมเริ่มต้น 14 ส.ค. เวลา 7.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 14.00 น.ตามเวลาประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวของ CBS กล่าวเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจได้ปิดกันถนนทุกเส้นที่มุ่งสู่เขตพื้นที่ชุมนุม เห็นกลุ่มควันไฟก้อนใหญ่จากจุดที่ชุมนุม และเห็นการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับฝ่ายผู้สนับสนุนนายมอร์ซี

CBS รายงานว่า นาย Ibrahim absolved รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ควบคุมสั่งการ และใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก

Al Jazeera รายงานว่า ณ เวลาล่าสุดได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย ในขณะที่กลุ่มภราดรภาพมุสลิมอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 300 ราย บาดเจ็บว่า 5 พันคน พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาชนผู้สนับสนุนนายมอร์ซีทั่วประเทศออกจากบ้านมาชุมนุมประท้วงทันที เพื่อ “หยุดการสังหารหมู่”

Ahram Online รายงานว่ามีประชาชนอียิปต์ออกจากบ้านมาชุมนุมตามท้องถนนในหลายจุดทั่วประเทศ หลังเหตุเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมเมื่อเช้านี้ เช่น มีผู้ชุมนุมหลายร้อยคนออกมาชุมนุมปิดกั้นถนนสายหลักของเมือง Upper Egypt's Assiut กับที่เมือง Alexandria

Ashraf Abdel Ghaffar ผู้อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่งและเป็นพวกภราดรภาพมุสลิมเล่าเหตุการณ์สลายการชุมนุมในมหาวิทยาลัยไคโรว่า “พวกเขา (เจ้าหน้าที่) เข้ามาจากประตูทั้งสามพร้อมด้วยรถถังและเฮลิคอปเตอร์ และเริ่มต้นยิงแก๊สน้ำตา” มีคนห้าคนถูกยิงต่อหน้าต่อตาเขา

ทางการอียิปต์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (state of emergency) เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ห้ามประชาชนออกจากเคหะสถานตั้งแต่เวลา 19.00 น.ถึง 6.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจับกุม จำกัดการเดินทางของประชาชน ตรวจสอบควบคุมสื่อต่างๆ เจ้าหน้าที่ทหารจะร่วมปฏิบัติการรักษาความสงบ ประธานาธิบดีอัดลี มันซูร์ให้เหตุผลว่า “ความมั่นคงกับความสงบเรียบร้อยของชาติตกอยู่ในอันตรายจากการบ่อนทำลายที่มีการวางแผนอย่างดี การโจมตีสถานที่ราชการกับเอกชน และการสูญเสียชีวิตด้วยกลุ่มหัวรุนแรง” (extremist groups)

นายฮาเซ็ม อัล-เบบลาวี  รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องสลายการชุมนุมก็เพื่อคืนความสงบเรียบร้อยแก่ประเทศ

จำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บเสียชีวิตยังไม่นิ่ง ทางการประกาศจำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ 278 ราย ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 43 ราย ในขณะที่กลุ่มภราดรภาพมุสลิมอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 2 พันคน แกนนำหลายคนถูกจับกุม ณ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมเวทีชุมนุมทุกแห่งเรียบร้อยแล้ว

นอกจากที่กรุงไคโร ยังมีการปะทะอีกหลายจุดทั่วประเทศ เช่นที่จังหวัดFayoum มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย จังหวัด Suez มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย พื้นที่ตอนเหนือของจังหวัด Alexandria กับ Beheira และตอนกลางของจังหวัดAssiut กับ Menya

           

 

 หนึ่งเดือนครึ่งแล้วที่ทหารยึดอำนาจประธานาธิบดีมุรซีย์ซี แต่เรื่องราวยังไม่จบ ฝ่ายสนับสนุนนายมุรซีย์ยืนยันต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร พร้อมยืนยันชุมนุมต่อเนื่องต่อไป 

19   สิงหาคม 2013   อดีตประธานาธิบดี  ฮุสนีย์  มูบาร็อคได้รับการปล่อยตัวและกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าประชาชนอียิปต์โดยการช่วยเหลือของคณะรัฐบาลรัฐประหาร

สมาพันธ์นักเรียนเก่าอียิปต์จำนวน  50 คนได้ร่วมประชุม   ณ  มัสยิดกลางจังหวัดสงขลา เมื่อ 21 สิงหาคม 2556  เพื่อปรึกษาหารือและ รับทราบเหตุการณ์ดังกล่าวรวมทั้งเหตุการณ์ทำร้ายผู้ชุมนุมอย่างสันติก่อนหน้านี้หลายครั้งด้วยความเศร้าสลดหดหู่ยิ่ง และขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง ถือเป็นการกระทำอันเกิดจากจิตใจที่โหดเหี้ยมเกินขอบเขตของคำว่าชั่ว เพราะประชาชนที่ถูกสังหารต้องเสียชีวิตไปเพียงเพราะเพรียกหารัฐบาลที่ถูกต้องชอบธรรม และต่อต้านการรัฐประหารล้มล้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน อันเป็นสิ่งที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

สมาพันธ์ฯ จึงขอประณามการปฏิวัติรัฐประหารในอียิปต์รวมทั้งการกระทำใด ๆ อันเป็นการล้มล้างระบบการปกครอง หรือล้มล้างรัฐบาลซึ่งประชาชนเลือกเข้ามาบริหารประเทศอย่างชอบธรรม อีกทั้งประณามผู้อยู่เบื้องหลังและสนับสนุนการปฏิวัติทุกคน เพราะเป็นการส่งเสริมให้เกิดความชั่วซึ่งถือเป็นสิ่งต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม ดังอัลลอฮฺทรงตรัสไว้ความว่า

“จงส่งเสริมช่วยเหลือกันในเรื่องความดีและความยำเกรง แต่อย่าส่งเสริมช่วยเหลือกันในเรื่องบาปกรรมและความเป็นอริบาดหมาง”

สมาพันธ์ฯ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารในอียิปต์เคารพต่อสิทธิและเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ โดยการนำรัฐบาลที่ประชาชนเลือกแล้วกลับมาปกครองประเทศดังเดิม และขอเรียกร้องให้กลุ่มประเทศที่สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ ยุติการให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนทุกรูปแบบเพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ความช่วยเหลือที่รัฐบาลทหารอียิปต์ได้รับนั้น ถูกนำมาใช้ปราบปรามและเข่นฆ่าประชาชนผู้เรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของตนอย่างเหี้ยมโหดเพียงใด

สมาพันธ์ฯ ขอให้กลุ่มประเทศตะวันตกยึดมั่นรักษาหลักการแห่งประชาธิปไตยอย่างเคร่งครัด ขอให้ใช้หลักการประชาธิปไตยต่อประเทศต่าง ๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน เพื่อสร้างความยุติธรรมแก่คนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม เนื่องจากการปฏิบัติอย่างอยุติธรรม และหลายมาตรฐานต่อบุคคลบางกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อมุสลิมเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดความรุนแรงในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก

สมาพันธ์ฯ ขอสนับสนุนการต่อสู้ด้วยสันติของประชาชนคนอียิปต์ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพอันชอบธรรมอย่างเต็มที่ ขอให้ผู้ต่อสู้จงยึดมั่นในสันติวิธีอย่างอดทนจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายในการนำรัฐบาลที่ชอบธรรมกลับสู่ประเทศอีกครั้ง ตามพระบัญชาแห่งอัลลอฮฺในซูรอฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 120 ความว่า

“แม้นหากพวกเจ้าอดทนและยำเกรงต่ออัลลอฮฺอย่างแท้จริงกลอุบายใด ๆ ของพวกเขาก็จะทำลายพวกเจ้าไม่ได้ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่พวกเขากระทำ”

สมาพันธ์ฯ ขอเรียกร้องสื่อมวลชนที่รายงานข่าวสถานการณ์ในอียิปต์ ให้ยึดมั่นในจรรยาบรรณของสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้อคติรายงานข่าวอย่างเอนเอียง เพื่อช่วยเหลือฝ่ายหนึ่ง และทำลายอีกฝ่ายหนึ่งอย่างอยุติธรรม

ควรตระหนักว่า การรายงานข่าวเท็จและสร้างกระแสความเกลียดชังจะไม่สามารถทำลายอิสลามได้อีกทั้งไม่สามารถปิดบังความจริงได้ ความพยายามที่จะสร้างภาพของผู้ต่อสู้เพื่ออิสลามในอียิปต์ให้เป็นผู้ก่อการร้ายของสื่อ มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น สร้างความเกลียดชังต่อกันและกันอย่างขาดเหตุผลมากขึ้น ขณะที่ความเชื่อถือต่อสื่อมวลชนมีแต่จะน้อยลง

-  สมาพันธ์ฯ ขอขอบคุณต่อรัฐบาลไทยและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร  เป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้ความสงเคราะห์นักศึกษาไทยและคนไทยในอียิปต์เป็นอย่างดี และขอให้รัฐบาลไทยยืนบนจุดของความเที่ยงธรรมโดยส่งเสริมสิทธิ์และเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยของประชาชน และควรประณามการทำลายสิทธิและเสรีภาพดังกล่าวอย่างจริงจัง

ครับ..ถึงแม้สมาพันธ์ฯ และผู้เขียนจะประณามและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนต่อทุกฝ่ายในการรัฐประหารและฆ่าผู้บริสุทธิครั้งนี้ แต่ก็ขอพรจากอัลลอฮฺให้ชาวอียิปต์ทั้งฝ่ายต่อต้านและสนับสนุนใช้สติ  สันติวิธีแก้ปัญหาเหตุการณ์บ้านเมือง  ก่อนที่จะมีการนองเลือด อันเนื่องมาจาก สงครามกลางเมืองเหมือนซีเรีย..   อามีน

หมายเหตุส่วนหนึ่งเรียบเรียงจาก

  1.  ผลการประชุมสมาพันธ์นักเรียนเก่าอียิปต์ในประเทศไทย
  1. http://www.chanchaivision.com/2013/08/Egypt-Spring-update-130816.html
  2. www.aljazeera.net